KCE เด้ง 5% หลังโบรกคาดกำไรไตรมาส 3 ฟื้นตัวแตะ 325 ล้านบาท รับคำสั่งซื้อกลับมา

KCE เด้ง 5% หลังโบรกฯคาดกำไรไตรมาส 3/68 ฟื้นตัวแตะ 325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85% จากไตรมาสก่อน รับอานิสงส์คำสั่งซื้อกลับมา หนุนอัตราการใช้กำลังการผลิตและมาร์จิ้นดีขึ้น แม้กำไรทั้งปีอาจยังท้าทาย ปรับคำแนะนำจาก “ขาย” เป็น “ถือ”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30 ต.ค. 68) ราคาหุ้น บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ณ เวลา 10:21 น. อยู่ที่ระดับ 26.75 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 4.90% สูงสุดที่ระดับ 27.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 25.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 200.19 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า โดยคาดว่ากำไรปกติของ KCE ในไตรมาส 3/68 จะอยู่ที่ 325 ล้านบาท (ลดลง 16% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน,แต่เพิ่มขึ้น 85% จากไตรมาสก่อน) โดยคาดว่าคำ สั่งซื้อจะกลับมา ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตดีขึ้น และ margin เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรจากธุรกิจหลัก ในงวด 9 เดือนแรกของปี 68 อยู่ที่ 681ล้านบาท (ลดลง 49% จากงวดเดียวของปีก่อน)และ คิดเป็น 64% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา Impact คาดว่ายอดขายจะฟื้นตัวขึ้น

โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดว่ายอดขายของ KCE ในไตรมาส 3/68 จะอยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท (ลดลง 7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน,แต่เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน) แต่หากตัด ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนออกไป ยอดขายในไตรมาส 3/68 จะอยู่ที่ 110 ล้านดอลลาร์ฯ (ทรงตัวจากช่วงปีก่อน,แต่เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อน) เนื่องจากคำสั่งซื้อกลับมา ทำให้ยอดขายในงวด 9 เดือนแรกของปี 68 อยู่ที่ 307ล้านดอลลาร์ฯ (ลดลง 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน) และ คิดเป็น 75% ของประมาณการกำไรเต็มปี

ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าคำสั่งซื้อจากยุโรปจะกลับมา (คิดเป็น 50% ของรายได้รวม) หลังจากที่ยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (passenger car) ใน EU เพิ่มขึ้นในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ทำให้ยอดจดทะเบียน passenger car ใหม่ใน EU งวด 8 เดือนแรกของปี  68 ทรงตัวจากงวดเดียวของปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น เนื่องจาก 1. การประหยัดต่อขนาดเพิ่มขึ้นตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น และ 2) ราคาทองแดงทรงตัวอยู่ที่ ประมาณ 9,500 ดอลลาร์/ตัน ในไตรมาส 2/68 (ลดลง 4% จากช่วงปีก่อน, ทรงตัวจากไตรมาสก่อน)

ฝ่ายวิเคราะห์จึงคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ KCE ใน ไตรมาส 3/68 จะอยู่ที่ 20.4% (+0.1ppts เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน, +2.3ppts จากไตรมาสก่อน) ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในงวด 9 เดือนแรกของปี 68 อยู่ที่ 18.7% (ลดลง 4.1ppts จากงวดเดียวของปีก่อน) ในขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์ใช้สมมติฐานปี 2568 ที่ 19.4% ผลประกอบการยังมีแนวโน้มฟื้นตัวในครึ่ทงหลังของปี 68 แต่ upsideจำกัด; ปรับลดประมาณการกไรปี 2568-2569

อย่างไรก็ตาม มองว่าการที่บริษัทจะ ทำกำไรได้ตามประมาณการเต็มปีของเรายังเป็นเรื่องท้าทาย โดยคิดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/68 น่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน แต่เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ยังท้าทายเนื่องจาก 1) ตามปกติแล้วยอดขายจะแผ่วในไตรมาสที่สี่เพราะเป็นช่วง วันหยุด และ2)ราคาทองแดงเฉลี่ยในไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 9,900 ดอลลาร์/ตัน (เพิ่มขึ้น6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน, และเพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน) ซึ่งอาจจะหักล้าง อานิสงส์บางส่วนจากการที่เงินบาทอ่อนค่าลง (อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยจากไตรมาสก่อนถึงปัจจุบัน อยู่ที่ 32.6 บาท/ดอลลาร์ฯ)

ดังนั้น ฝ่ายวิเคราะห์จึงทบทวนสมมติฐานใหม่ (ปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นปี 2568 จาก 19.4% เป็น 19.2%, ปรับลด อัตราแลกเปลี่ยนปี 2569 จาก 32.8 บาท/ดอลลาร์ฯ เป็น 32.5 บาท/ดอลลาร์ฯ) โดยสรุปแล้ว ปรับลด ประมาณการกำไรปี 2568 ลง 4% และ ปี 2569 ลง 3%  Valuation & action ขยับไปใช้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2569 ที่ 24.00 บาท อิงจากPER ที่23.0 เท่า (ค่าเฉลี่ยในอดีต -0.5S.D)จาก เดิม 19.20 บาท และ ปรับเพิ่มคำแนะนำจาก“ขาย” เป็น “ถือ”

Back to top button