GULF บวก 2% รับปีหน้าเร่งนำเข้า LNG แตะ 70 ลำ ดันกำไรพุ่ง–ซิตี้กรุ๊ปเชียร์ซื้อเป้า 60 บ.

GULF บวก 2% รับปีหน้าเพิ่มเรือนำเข้า LNG 70 ลำ กำไรพุ่ง 1,500 ล้านบาท ขณะที่ค่าไฟตลาดสหรัฐฯ พุ่งสูง 300 ดอลลาร์/เมกะวัตต์ ช่วยหนุน ล่าสุดปิดสัญญาการเงินโครงการ “เขื่อนปากแบง-ปากลาย” แล้ว IRR พุ่งเป็นสองหลัก พร้อมดีล M&A อีกหมื่นล้านบาท ด้านซิตี้กรุ๊ปเชียร์ “ซื้อ” เป้า 60 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(20 พ.ย.68) ราคาหุ้นบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ณ เวลา 10:47 น. อยู่ที่ระดับ 42.00 บาท บวก 0.75 บาท  หรือ 1.82% ราคาสูงสุด 42.25 บาท ราคาต่ำสุด 41.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 243.69 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า GULF ได้จัดประชุมนักวิเคราะห์ประจำไตรมาสล่าสุดเมื่อวานนี้ (19 พ.ย. 2568) เพื่อนำเสนอข้อมูลความคืบหน้าทางธุรกิจ รวมถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานและกลยุทธ์สำคัญในอนาคต

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MTS  ระบุ ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์ ผู้บริหารคาดการณ์ธุรกิจนำเข้า LNG จะเพิ่มเป็น 70 ลำในปีหน้า (2569) และคาดว่าจะมีกำไรประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยมีแนวทางพัฒนาธุรกิจนำเข้า LNG เพิ่มเติม เช่น การเป็นเจ้าของเรือ เป็นต้น

ทั้งนี้มองราคาค่าไฟฟ้าจากตลาด PJM (PJM Interconnection) จะคงสูงราว 300 ดอลลาร์สหรัฐต่อเมกะวัตต์ ในช่วงหลายปีข้างหน้า เนื่องจากมีการขาดแคลนกังหันก๊าซ (Gas Turbine) ส่วนอัตราค่าขนส่งไฟฟ้า (wheeling charge) ปัจจุบันสูงเกินไป และคาดว่ารัฐบาลสหรัฐฯ อาจปรับลดลงในเร็ว ๆ นี้

สำหรับปี 2569-2576 ไม่มีโครงการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ (Greenfield) โดยตรง ยกเว้นการร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์ในประเทศในโครงการพลังงานหมุนเวียน แต่บริษัทยังมองหา ดีล M&A ขนาดใหญ่กว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำไรให้บริษัท

นอกจากนี้ ผู้บริหาร GULF ส่งสัญญาณว่าจะจ่ายเงินปันผลในระดับหนึ่งเพื่อรองรับผู้ถือหุ้นบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ  INTUCH บริษัทตั้งใจเข้าร่วม Direct PPA โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลัก โครงการ “ดาต้า เซ็นเตอร์” สัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าที่มีสัญญาการขายหรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ประมาณ 70-80% และ กัลฟ์ คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มจากโครงการ Jackson ที่สหรัฐฯ ประมาณ 1,200 ล้านบาท ในปีหน้า

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)  ระบุ ผู้บริหารบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่าโครงการ เขื่อนปากแบง (Pak Beng) และ เขื่อนปากลาย (Pak Lay) ได้ดำเนินการปิดสัญญาทางการเงิน (Financial Close) เรียบร้อยแล้ว ภายใต้ดอกเบี้ยต่ำ ทำให้อัตราผลตอบแทน IRR ปรับขึ้นเป็น Double digit

ทั้งนี้คาดว่าในปี 2569 บริษัทจะนำเข้า LNG จำนวน 70 ลำ (ปี 2568 ราว 50 ลำ) คาดสร้างรายได้ 1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา

โครงการพลังงานหมุนเวียน 2.1 กำลังเดินหน้า 1,480 เมกะวัตต์ ภายใต้ค่าไฟ 2.16 บาทต่อหน่วย ลดลง 1 สตางค์ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการอย่างมีนัยสำคัญ คาดสามารถเซ็นสัญญา PPA ได้ภายในปลายปี 2568 อย่างไรก็ตาม GULF ไม่มีโครงการที่ถูกคัดเลือกโดยตรงในรอบนี้ (GUNKUL มีพลังงานลม 284 MW และโซลาร์ 35 MW)

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด  ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น GULF โดยมีราคาเป้าหมายปี 2569 ที่ 59 บาทต่อหุ้น

:ซิตี้กรุ๊ปเชียร์ซื้อ 60 บาท

ฝ่ายวิจัยซิตี้กรุ๊ป สถาบันการเงินข้ามชาติระดับโลก ประเมินหุ้นบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ผู้พัฒนาพลังงานรายใหญ่ที่สุดของไทย โดยแนะนำ “ซื้อ” พร้อมกำหนดราคาเป้าหมาย 60 บาท อ้างอิงจากอัตราส่วนราคาต่อกำไร (PER) 30 เท่า สำหรับปี 2569

รายงานระบุว่า GULF มีรายได้ที่มั่นคง เนื่องจากกว่า 80% ของรายได้มาจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ระยะยาว 20-25 ปี กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นอกจากนี้ บริษัทยังมีอัตราการเติบโตของกำลังการผลิต (CAGR) ประมาณ 6% ในช่วงปี 2567-2574 และคาดว่าอัตราการเติบโตกำไรต่อหุ้น (EPS CAGR) จะอยู่ที่ 14% ในช่วงปี 2567-2570

โดยซิตี้กรุ๊ป ระบุว่า GULF มีศักยภาพเติบโตเพิ่มเติมจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพลังงานของไทย สู่พลังงานหมุนเวียน โดยมีจุดแข็งในการบริหารจัดการพลังงานหมุนเวียนและการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ภายในประเทศ ขณะเดียวกัน การอนุมัติแผนพัฒนาไฟฟ้า (PDP) ฉบับใหม่ของไทยคาดว่าจะเกิดขึ้นกลางปี 2569 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของรัฐบาลให้เป็นศูนย์สุทธิภายในปี 2593

ด้านผลการดำเนินงาน GULF คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 27,577 ล้านบาทในปี 2568 หรือ EPS 1.85 บาท เพิ่มขึ้น 22.9%  คาดว่ากำไรสุทธิปี 2569 จะอยู่ที่ 29,685 ล้านบาท หรือ EPS 1.99 บาท เพิ่มขึ้น 7.6% และปี 2570 จะอยู่ที่ 32,865 ล้านบาท หรือ EPS 2.20 บาท เพิ่มขึ้น 10.7%

โดยประเมินว่า GULF สามารถรักษาอัตราผลตอบแทนอิสระจากกระแสเงินสด (FCF yield) ประมาณ 4.5% ในช่วงปี 2568-2570 และยังมีโอกาสเติบโตในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน พร้อมทั้งมีประวัติการเข้าประมูลและจัดซื้อกำลังการผลิตกับ กฟผ. ได้มากถึง 54-100% ในหลายปีที่ผ่านมา สะท้อนความเชี่ยวชาญและศักยภาพในการแข่งขันของบริษัท

ด้านความเสี่ยง ชี้ว่า ความล่าช้าในการประกาศ PDP หรือการเจรจา PPA ใหม่ อาจส่งผลต่อแผนงาน แต่ถือว่าเกิดขึ้นได้ยาก และการประเมินมูลค่าหุ้น GULF สะท้อนความแข็งแกร่งเหมือนพันธบัตร พร้อมโอกาสเติบโตทั้งในตลาดพลังงานดั้งเดิมและพลังงานหมุนเวียน

Back to top button