
“เอเชีย เวลท์” ให้กรอบ SET สัปดาห์นี้ 1,387-1,433 จุด คาดเฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย
"เอเชีย เวลท์" ให้กรอบ SET สัปดาห์นี้ 1,387-1,433 จุด คาดเฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) จะเคลื่อนไหวในกรอบกว้างที่ 1,387-1,433 จุด เนื่องจากตลาดหุ้นอาจปรับขึ้นได้หากผลประกอบการสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด และในทางกลับกันอาจปรับลดลดแรงหากตัวเลขออกมาไม่ดี กลยุทธ์การลงทุนเน้นลงทุนในหุ้นปันผลดี และหุ้นที่มีเรื่องราวชัดเจน มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และปัจจัยทาง Technical สนับสนุน
โดยสัปดาห์นี้ตลาดน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบไม่กว้างนัก โดยจุดสนใจจะอยู่ที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในวันอังคารและพุธนี้คาดว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ย และจับตาสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปในเดือน มิ.ย.ซึ่งมีความเป็นไปได้เหมือนกันที่จะปรับขึ้น
พร้อมติดตามประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วันพุธและพฤหัสบดี ซึ่งคาดว่าครั้งนี้หรือหลังจากนี้อาจมีการออกมาตรการเพิ่มเติมทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นอีกและจัดการกับการแข็งค่าของเงินเยนโดยที่จะไม่เข้าไปแทรกแซงโดยตรง ในเวลานี้นายกรัฐมนตรีอาเบะ กำลังเตรียมจะออกมาตรการทางการคลังรอบใหม่ซึ่งจะรวมการตั้งงบประมาณพิเศษเพื่อฟื้นฟูประเทศและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหว
ส่วนปัจจัยในประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเดือน มี.ค.59 ในวันที่ 29 เม.ย.59 ส่วนระหว่างสัปดาห์ ต้องติดตามตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะของประเทศสหรัฐซึ่งจะมีผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลกและของไทย
ทั้งนี้ที่ผ่านมาตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐฯไตรมาส 1/59 ไม่ดีนักและเป็นไปตามที่ตลาดคาด มีผลฉุดตลาดหุ้น Wall street และตลาดหุ้นทั่วโลกให้ปรับตัวลง ซึ่งหากตัวเลขสัปดาห์นี้ออกมาดีมากจะผลักดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้ ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับเหนือ 40 USD/บาร์เรล แต่หากราคาน้ำมันดิบไม่ปรับตัวขึ้นหรือปรับตัวลงกว่านี้ จะกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกเช่นกัน ด้านผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของไทย กลุ่มธนาคารออกมาตามคาด ต้องติดตามบริษัทอื่นๆ ที่เหลือ
สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ แนะนำหุ้น KTC ซึ่งคาดว่าสามารถแสดงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 1/59 บริษัทได้รายงานผลประกอบการที่ 635 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% QoQ และ 10.6% YoY ซึ่งการเติบโตนี้มาจากทั้งธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล โดยที่พอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิตและพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลโต 9% และ 15% YoY ตามลำดับ บริษัทเชื่อว่าการเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนหลักจากการออกแคมเปญด้านการตลาดอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม KTC ยังคงยืนยันเป้าการเติบโตกำไรแบบทรงตัวในปี 59 เนื่องจากบริษัทมีความตั้งใจที่จะขยายฐานลูกค้าและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในการใช้จ่ายบัตรเครดิตรวมทั้งพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคล การดำเนินการดังกล่าวบ่งบอกถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วย
ทั้งนี้ บล.เอเชีย เวลท์ ให้ราคาเป้าหมายของ KTC ตามปัจจัยพื้นฐานที่ 110 บาท มี Upside จากราคาปัจจุบันประมาณ 25%