เปิด 5 ประเด็นเด็ดกด-ดันดัชนีวันนี้ พร้อมชง 14 หุ้นกำไร Q1 แหล่ม!

เปิด 5 ประเด็นเด็ดกด-ดันดัชนีวันนี้ พร้อมชง 14 หุ้นกำไร Q1 แหล่ม!


บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (9 พ.ค.)ว่ามีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นวันนี้ SET น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวหลังปรับลงต่อเนื่องจากจุดสูงสุด 1,432 จุด เมื่อวันที่ 21 เม.ย ซึ่งนำลงโดยหุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงต่อเนื่อง แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวและมีแนวโน้มปรับขึ้นจากปัญหา Supply Disruptions และซาอุฯ ปรับขึ้นราคาน้ำมันดิบที่ขายให้กับลูกค้าทั่วโลก ส่วนตัวเลขส่งออกจีนเดือนเม.ย. ที่กลับมาติดลบมากกว่าคาดเชื่อว่าตลาดรับรู้ค่อนข้างมากแล้วหลังสหรัฐประกาศตัวเลขนำเข้าสินค้าเดือนเม.ย. จากจีนที่ลดลงอย่างมาก

อย่างไรก็ดีในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยหยุด 2 วันทำการที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ปรับตัวลง Foreign Fund Flow ยังไหลออก ค่าเงินภูมิภาครวมถึงค่าเงินเยนอ่อนค่าเล็กน้อยจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งเมื่อเทียบกับยูโรหลัง EU ปรับลดคาดการณ์จีดีพียูโรโซนปีนี้ลงเหลือ 1.6% จาก 1.7% สัปดาห์นี้นักลงทุนต้องติดตามประชุมกนง. ในวันพุธนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าน่าจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.5% ที่สำคัญสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของการรายงานงบ 1Q16 ก่อน deadline พ.ค. 16 ซึ่งโดยรวมคาดว่าจะไม่ค่อยดีนักแต่ตลาดก็รับรู้ไปค่อนข้างมากแล้วเช่นกัน สำหรับบริษัทที่คาดว่าจะมีกำไรออกมาดีก็อาจเกิด Sell on fact ได้ ประกอบกลับ Outlook ไตรมาสที่ 2/2016 โดยรวมน่าจะแค่ทรงตัว นอกจากนี้ MSCI ประกาศปรับหุ้นที่ใช้ในการคำนวนดัชนี MSCI รายไตรมาสในเช้าวันศุกร์นี้ด้วย

 

หุ้น/ข่าว/ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) ผิดหวังส่งออกจีน แต่เชื่อกระทบต่อตลาดไม่มาก: ส่งออกจีนเดือนเม.ย. กลับมาติดลบ -1.8%yoy จาก +11.5%yoy ในเดือนมี.ค. ต่ำกว่าคาดไว้ว่าจะติดลบ 0.1% ส่วนนำเข้าจีนยังหดตัว -10.9%yoy จาก  -7.6% ในเดือนมี.ค. และติดลบกว่าคาดไว้ที่ -5%yoy ก่อนหน้านี้นักลงทุนก็ผิดหวังตัวเลข Caixin Manufacturing PMI ของจีนเดือนเม.ย. ที่ 49.4 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 49.9 และลดลงจาก 49.7 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบงชี้ว่าภาคการผลิตจีนยังหดตัวต่อเนื่อง  ประเด็นนี้จะส่งผลให้นักลงทุนวิตกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและโลกแต่ตลาดก็รับรู้ไปแล้วพอสมควร

(+) ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบกลับมาบวกอยู่ที่ US$44.66/บาร์เรล จากต่ำสุดในวันอังคารที่ผ่านมา US$43.65/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนกังวล supply ที่หายไปจากเหตุไฟไหม้ป่ารุกรามเข้าสู่แหล่งผลิตน้ำมันจากหินและการขนส่งน้ำมันดิบของแคนนาดา อีกทั้งซาอุฯ ประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันดิบที่ขายให้ลูกค้าทั่วโลกอีกด้วย:  เชื่อราคาน้ำมันดิบน่าจะอยู่ในช่วง US$45-50/บาร์เรล เนืองจากคาดว่าจะเกิดการเก็งกำไรก่อนการประชุมโอเปกในวันที่ 2 มิ.ย นี้ ดังนั้นระยะสั้นเชื่อว่าราคาหุ้น PTTEP PTT และ TOP จะฟื้นตัวหลังปรับลงแรงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

(-) ศุกร์ที่ผ่านมา Fund Flow จากต่างชาติยังไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 7 : โดยขายสุทธิมากที่สุดในตลาดหุ้นไต้หวัน US$438 ล้าน ตามด้วยฟิลิปปินส์ US$12.9 ล้าน ขณะที่ตลาดอื่นปิดทำการ

(+/-) คาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/59 ของกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มสินเชื่อรายย่อย โรงพยาบาลและท่องเที่ยวเติบโตโดดเด่น

ขณะที่กลุ่มที่มีแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/59 ออกมาดี ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อรายย่อย(SAWAD MILS LIT GL) ได้ประโยชน์จากต้นทุนดอกเบี้ยต่ำ ,กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS VIBHA CHG) จากจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นและมีการขยายสาขา กลุ่มท่องเที่ยว (AOT MINT) จากจำนวนนักท่องเที่ยวยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง, กลุ่มอาหาร CPF ได้อานิสงส์ราคาหมู ไก่ กุ้ง ฟื้นตัว และ MALEE TKN ได้ยอดส่งออกเพิ่ม, กลุ่มพลังงานฟื้นตัวแต่ไม่มากเพราะราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวในระดับต่ำ และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและกำไรโดดเด่นอาทิ BIG และ EPG

(+) IRPC (ถือ/เป้า 5) – ไตรมาส 1/59มีกำไรสุทธิ 3 พันล้านบาท ลดลง 21% แต่ดีกว่าคาด 30% แนวโน้มกำไรปีนี้จะถูกสนับสนุนโดยโครงการ UHV ที่จะเริ่มผลิตมิ.ย นี้ และโครงการ Everest จะทำให้มี Margin ดีขึ้น  ยังแนะนำถือ แต่ upside จะขึ้นอยู่กับการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบและโครงการ Everest

Back to top button