มายาคติในหอแดงพลวัต 2016

บนโลกออนไลน์ของบรรดานักลงทุนระดับแมงเม่าเมื่อวานนี้ มีการส่งข้อความที่แพร่หลายอย่างมากในช่วงหลังปิดตลาดภาคเช้า-ก่อนเปิดตลาดภาคบ่ายว่า การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยสวนกระแส กลับมาบวกแรง หลังจากเปิดตลาดลบแรงมากกว่า 10 จุด ทำให้บรรดานักวิเคราะห์พากันหน้าแตกยับเยิน


 

วิษณุ โชลิตกุล

 

บนโลกออนไลน์ของบรรดานักลงทุนระดับแมงเม่าเมื่อวานนี้ มีการส่งข้อความที่แพร่หลายอย่างมากในช่วงหลังปิดตลาดภาคเช้า-ก่อนเปิดตลาดภาคบ่ายว่า การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยสวนกระแส กลับมาบวกแรง หลังจากเปิดตลาดลบแรงมากกว่า 10 จุด ทำให้บรรดานักวิเคราะห์พากันหน้าแตกยับเยิน

คำปรามาสดังกล่าวไม่ใช่เรื่องน่าประหลาด แต่ไม่ถูกต้อง เพราะว่านักวิเคราะห์หุ้นนั้น ไม่มีคำว่าหน้าแตกแน่นอน เพราะการคาดเดาอนาคตล่วงหน้าผิดพลาดนั้น ไม่ใช่ความผิดพลาดของนักวิเคราะห์ แต่เป็นควาผิดพลาดเชิงสถิติของหลักวิชาการวิเคราะห์ เนื่องจากมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ และอยู่นอกเหนือการคาดเดาหลายปัจจัยอยู่มาก ที่นักวิเคราะห์ไม่สามารถหยั่งรู้ล่วงหน้าได้

ไม่อย่างนั้นไม่มีคำว่า “กับดักของพลาโต” ที่ออกมาเตือนสติว่า การใช้ข้อมูลเชิงสถิติสำหรับคาดเดาอนาคตนั้น มีอันตรายพอสมควร ไม่จำเป็นต้องถูกเสมอไป หากนำมาใช้กับบางเรื่องที่ไม่เดผลจริง เช่น ผลการแข่งขันกีฬา หรือ การทำนายผลทางการเมือง หรือ การลงประชามติ หรือ ทิศทางของราคาหุ้น เป็นต้น

ปรากฏการณ์ที่ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ ร่วงลงตอนเปิดตลาดเช้า แล้วพลิกกลับมาบวก ก่อนที่จะร่วงลงตอนท้ายตลาดปิดลบ 3.53 จุด ที่ระดับ 1,549.11จุด ไม่ได้เกิดเพียงเพราะคำอธิบายง่ายว่า ต่างชาติมั่นใจกับเสถียรภาพของรัฐบาลทหารชุดปัจจุบันมาก หรือเพราะมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง หรือมั่นใจว่าระเบิดไม่ทำให้การท่องเที่ยวเสียหาย หรือ เป็นตามทีมีใครบางคนที่วิเคราะห์ว่า ได้สร้าง “อารมณ์ร่วมย้อนกลับ” (reversedly collective sentiment) ที่ต่อต้านการใช้ความรุนแรง

คำอธิบายเหล่านั้น เป็นเพียงการให้ความชอบธรรมกับการไหลข้าวของทุนต่างชาติหรือฟันด์โฟลว์ที่ยังไหลเข้าจนค่าบาทแข็งมากกว่าเมื่อวันศุกร์ โดยที่ลงมาที่ระดับถึง 34.60 บาท ซึ่งเข้าเขตอันตรายต่อการส่งออกมากขึ้นทุกขณะ

โดยข้อเท็จจริง อันตรายของการก่อวินาศรกรมทั้งระเบิดและเผาในวงกว้าง แม้จะหวังผลสะเทือนมากกว่ามุ่งทำลายล้าง (ทั้งที่สามารถกระทำได้) ยังคงดำรงอยู่ เพราะจนถึงล่าสุดนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของอำนาจรัฐไทยทุกฝ่าย ยังมืดแปดด้านว่าใครและเหตุจูงใจอย่างใดในการกระทำการดังกล่าว

แม้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และฝ่ายผู้นำรัฐบาลจะออกมาพยายามบอกว่า เริ่มพบเบาะแสเบื้องตนแล้ว แต่ยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องการเวลา พร้อมกับตั้งรางวัลสำหรับผู้ชี้นำเบาะแสมาแจ้งให้ทางการรับทราบ ก็สะท้อนให้เห็นว่า สถานการณ์เรื่องความรุนแรงจะบานปลายอาจจะเกินกว่าที่นักวิเคราะห์จะคาดเดาได้ และนำไปสู่สถานการณ์ที่น่ากังวลจนถึงขั้นทำให้ทุนต่างชาติถอยกลับออกไปอย่างรุนแรงได้ หากว่า ยังไม่สามารถสร้างความกระจ่าง หรืออาจจะเลวร้ายกว่านั้น หากว่า มีการกระทำที่รุนแรงในลักษณะทำลายล้างเกิดขึ้นซ้ำอีก โดยไม่สามารถหาข้อเท็จจริงที่ยืนยันได้อีก นอกเหนือจากการพยายามแปลงสภาพเป็นการขยายผลเพื่อประโยชน์ทางการเมืองแบบที่กำลังกระทำอยู่

ความพยายามของนักวิเคราะห์ที่หาเหตุผลมารองรับในการสร้างมุมมองแบบ “โลกสวย” ด้วยการเอากรณีของตัวเลขจีดีพีไตรมาสสองของประเทศไทยที่ผ่านมาที่ดีเกินคาด หรือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเฉลี่ยทั้งในตลาด SET กับ mai ออกมาดีมากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้าที่คาดว่าจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย แต่กลับขยายตัวประมาณ 8% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน และ 9% เทียบกับไตรมาสแรก ทำให้ P/E ของตลาด ลดลงจากระดับ 23.3 เท่า ลงเหลือประมาณ 21.8 เท่าลดแรงกดดันได้ระดับหนึ่ง ถือเป็นการพยายามสร้างมายาคติแบบ “ความฝันในหอแดง” ได้เช่นกัน

ในนิทานของจีนเรื่อง ความฝันในหอแดง ซึ่งมีโครงเรื่อง แบบพุทธศาสนามหายาน ปะปนกับแนวคิดลัทธิเต๋าของจีนนั้น ผู้เขียน คือเฉาเสี่ยฉิ้น ใช้เรื่องราวความรักที่ไม่สมหวังเของ 2 ตัวละครเอก เจี้ยเป่าอี้ และ หลินไต้อี้ ที่ไม่สมหวังและจบลงด้วยโศกนาฏกรรม เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมายาทางโลกิยะโดยผ่านมุมมองของคนในสังคมชั้นสูงตระกูลเจี้ย ในสมัยราชวงศ์ช้องใต้ เพื่อเปรียบเปรยถึงความแน่นอนของวิถีทางแห่งชีวิตที่ตกใต้การครอบงำของมายาคติ เพื่อที่จะสรุปว่า “หากมายากลายเป็นความจริง ความจริงก็กลายสภาพเป็นมายาได้เช่นกัน”

มายาคติของราคาและดัชนีตลาดหุ้นก็เฉกเช่นเดียวกับความฝันในหอแดงเพราะมีความไม่แน่นอนและมีเหตุผลแฝงออยู่ในเส้นกราฟทางเทคนิค และในการซื้อขาย

ข้อเท็จจริงที่ว่า ทุนเก็งกำไรที่เกิดจากสภาพล้นเกินของปริมาณเงินในระบบโลกที่ถูกปล่อยออกมาหลังวิกฤตซับไพรม์เมื่อ 9 ปีก่อน และต่อเนื่องมากเพราะเศรษฐกิจภาคการผลิตและบริการยังไม่ยอมฟื้นตัวเรื้องรัง ทำให้ทุนเหล่านี้แสวงหาที่หลบภัย รวมทั้งในตลาดหุ้นไทยด้วย ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยสามารถยันสู่กับแรงชายที่เกิดจากสถานการณ์เลวร้ายได้ดีผิดปกติ รวมทั้งระเบิดและการวินาศรกรมด้วย อาจจะถูกต้องในระดับปรากฏการณ์เฉพาะหน้า แต่ไม่สามาถรดบังข้อเท้จจริงในระยะยาวได้ว่า สังคมไทยยามนี้ ร้าวลึกจนกระทั่งต้องตัดสินแก้ไขความแตกร้าวกันด้วยวิถีและกระบวนการใช้ความรุนแรงกัน “อย่างอนารยะ” เพื่อหาทางออกแล้ว

ความเปราะบางของสถานการณ์ทางการเมืองของไทยทีดำเนินอยู่ยามนี้ เปรียบได้กับหน้าเค้กที่มีคนพยายามแต่งให้สวยงามเพื่ออำพรางเชื้อราในเนื้อในที่กำลังก่อตั้งรอวันปะทุขึ้นมาในอนาคตเท่านั้น ไม่สามารถที่จะเอาเพียงแค่การวิ่งขึ้นของดัชนีตลาดหุ้นในวันเดียวมาชี้วัดอนาคตได้อย่างแท้จริงได้

ข้อสรุปที่มองข้ามข้อเท็จจริงบางประการของตลาดหุ้น หลังจากการวิ่งขึ้นปลายตลาดเช้าเมื่อวานนี้ เพราะเคยมีปรากฏการณ์ในอดีตที่ยืนยันว่า การขายทำกำไรเกิดขึ้นในตลาดที่เคยเป็นเรื่องปกติหลังสิ้นสุดฤดูกาลนำส่งงบการเงินทุกไตรมาส เป็นสถิติที่ซ้ำซากในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา เพียงแต่การลงปรับตัวลงมากหรือน้อย หรือไม่ปรับเลย ล้วนยังคงขึ้นกับเงื่อนไขของฟันด์โฟลว์ไหลเข้าอยู่เช่นเดิม

ยามนี้ ตลาดหุ้นไทยที่ถูกครอบงำด้วยมายาคติในหอแดง คาดเดาเอาเองว่า เงินทุนไหลเข้าของต่างชาติ อาจจะยังดำเนินต่อไปไม่หยุดอีกยาวนาน เป็นความสุ่มเสี่ยงที่ไร้หลักประกัน เลวร้ายมากกว่าการที่นักวิเคราะห์จะหน้าแตกหรือไม่หลายเท่า

Back to top button