สังคมข่าวหุ้นนิวส์เวฟ

ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,474.64 จุด ปรับลดลง 1.82 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวมหนาแน่นถึง 5.6 หมื่นล้านบาท


ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,474.64 จุด ปรับลดลง 1.82 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวมหนาแน่นถึง 5.6 หมื่นล้านบาท

* พี่ SET เปิดตลาดภาคเช้าออกมาดูดี แต่พอเข้าภาคบ่ายเท่านั้นแหละ เปลี่ยนจากหน้ามือกลายเป็นหลังมือ

* เพราะดัชนีทยอยย่อตัวลงต่อเนื่อง จนสุดท้ายถอยมาปิดลบอยู่ที่ 1,474 จุด

* โดยขาเข้าซื้อสุทธิทางสถาบันเดินหน้านำทัพ 3,161 ล้านบาท ตามด้วยรายย่อย 82 ล้านบาท ส่วนขาเทขายสุทธิต่างชาติสาดออก 2,079 ล้านบาท ตามด้วยบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 1,164 ล้านบาท

* เริ่มด้วยหุ้นแรกวันนี้ขอเลือกโฟกัสที่ฝั่งกลุ่มหุ้นอสังหาริมทรัพย์

* ล่าสุด หลังจากประกาศงบไตรมาส 3 ออกมา จะเห็นได้เลยว่า

* กลุ่มผู้นำทำกำไรสุทธิ 9 เดือนแรก ได้แก่ LH เป็นเบอร์หนึ่ง ตามด้วยเบอร์สอง PS และปิดท้ายเบอร์สามที่ SPALI

* ดังนั้น LH ก็ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำมีกำไรสูงสุดได้ต่อเนื่อง และที่น่าจับตาคือ ทิศทางภาพรวมงวดปี 59 ที่ยังมีโอกาสเติบโตสวนกระแสอุตสาหกรรมได้อีก

* ล่าสุด หุ้นถอยมาปิดลบ 8.85 บาท ถือเป็นจังหวะเข้าลงทุนได้ และหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมาย 11 บาท

* ส่วนอีกตัวคือ SPALI ซึ่งเป็นอีกหุ้นที่มีโอกาสทำกำไรปี 59 ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน

* เมื่อวานราคาปิดแดนลบ22.90 บาท จึงน่าเข้าทยอยสะสม อัพไซด์เหลือบานยังต่ำกว่าราคาเป้าหมาย 28 บาท

* ย้ายฝั่งกันมาที่กลุ่มหุ้นลุ้นได้งานโครงการอินเตอร์เน็ตหมู่บ้าน

* โดยถือเป็นหนึ่งในโครงการที่เคยเลื่อนแล้วเลื่อนอีก จนบางคนชักจะเริ่มลืมเลือนกันไป

* แต่ล่าสุดมีความคืบหน้าชัดเจนกันแล้ว และมีลุ้นได้เข้าพิจารณาในที่ประชุม ครม.ภายในสัปดาห์หน้า

* กลุ่มหุ้นที่มีลุ้นคว้างานดังกล่าวมีอยู่กันทั้งหมด 7 หลักทรัพย์ ซึ่งจะมีตัวอะไรบ้างพลิกไปอ่านในฉบับได้เลย

* แต่ในเบื้องต้นเลือกให้น้ำหนักไว้ 2 บริษัท เจ้าแรกเลือก ILINK เนื่องจากถือเป็นผู้ประกอบการที่มีจุดเด่นคว้างานภาครัฐสม่ำเสมอ * และที่สำคัญยังมีความได้เปรียบคู่แข่งในด้านต้นทุนบริหารงานต่ำ และมีสตอรี่บวกนอกเหนือจากเรื่องนี้ตุนไว้อีกเพียบ

* ส่วนอีกราย INET นี่ก็ถือเป็นอีกเจ้าที่มีโอกาสได้งานสูงมากไม่เบาเหมือนกัน

* เพราะถ้าเจาะเข้าไปดูกันที่ฐานกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ เห็นได้ชัดเจนว่ามีรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ร่วมถือหุ้นบริษัทอยู่

* ขยับมาที่หุ้น BEAUTY เมื่อวานราคาหุ้นดิ่งถอยลงหนักกว่า 7% พร้อมกับปิดฉากลบอยู่ที่ 11.30 บาท 

* แรงกดดันหลักมาจากการทำลายบิ๊กล็อตของ “หมอสุวิน ไกรภูเบศ” และ “ธัญญาภรณ์ ไกรภูเบศ” ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่

* โดยขายหุ้นแบบบิ๊กล็อตจำนวน 300 ล้านหุ้น ในราคา 11 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดงวดก่อนหน้าที่ 12 บาทอยู่มากโข

* จึงกลายเป็นเอฟเฟคต่อราคาหุ้นในกระดานทันที ยอมรับนะว่าพื้นฐาน BEAUTY แข็งแกร่งและเติบโตกว่าตลาดคาดไว้มาก

* แต่ด้วยราคาหุ้นที่ปัจจุบันไล่ขึ้นมากันแล้วเกิน 11 บาท ถ้าจะเข้าเก็บจริงรอย่อตัวลงกว่านี้ เน้นปลอดภัยไว้ก่อน

* หุ้น TACC เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ราคาย่อตัวลงมา จนอยู่ในจุดน่าเข้าเก็บหุ้นอีกครั้ง

* พื้นฐานธุรกิจของบริษัทเรียกว่าอยู่ในช่วงขาขึ้นเต็มกำลัง

* โดยเฉพาะงวดไตรมาส 4 นี่แหละเห็นว่า จะเป็นช่วงเวลาที่บริษัทจะได้รับผลบวกจากยอดขายสินค้าเติบโตเต็มที่

* ราคาเป้าหมายล่าสุด โบรกฯ กำหนดไว้ 12 บาท พร้อมกับคาดภาพรวมทั้งปี 59 จะมีกำไรโตทะลุ 100 ล้านบาท 

* ปิดท้ายด้วย SQ หุ้นเล็กแต่พื้นฐานใหญ่เกินราคา

* เมื่อวานมูลค่าการซื้อขายไหลเข้ามาหนาแน่นถึง 107 ล้านบาท พร้อมกับมาปิดบวกเหนือ 4 บาทได้อีกรอบ

* ทิศทางธุรกิจงวดไตรมาส 4 มีแนวโน้มทำกำไรฟื้นตัวแรง ซึ่งทางโบรกฯ คาดไว้จะกลับมามีกำไรสูงท่วมถึง 70 ล้านบาท * จึงเท่ากับเพิ่มขึ้นมากจากงวดไตรมาส 3 ที่ต้องแบกต้นทุนพิเศษจนกดดันกำไรแท้จริงไว้

* งานนี้ หากไตรมาส 4 ทำกำไรได้ 70 ล้านบาทจริง จะหนุนให้งบปี 59 ฟาดกำไรสูงทะลุ 200 ล้านบาท แหม เทรนด์ธุรกิจ-กำไรดีแบบนี้ ถึงว่านักวิเคราะห์ได้อัพราคาเป้าหมายใหม่ล่าสุดไว้สูงถึงระดับ 4.50 บาทเลยทีเดียว*

Back to top button