TKS สดใส

แม้ว่างานพิมพ์ปฏิทินในช่วงปลายปีมีการเลื่อนออกไปบ้าง แต่ TKS ก็มีโครงการจาก สปป.ลาว เข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยประคองให้ไตรมาส 4 ปี 59 รายได้น่าจะเติบโตได้เล็กน้อย


–คุณค่าบริษัท–

 

แม้ว่างานพิมพ์ปฏิทินในช่วงปลายปีมีการเลื่อนออกไปบ้าง แต่บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKSก็มีโครงการจาก สปป.ลาว เข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยประคองให้ไตรมาส 4 ปี 59 รายได้น่าจะเติบโตได้เล็กน้อย

ทั้งนี้นักวิเคราะห์ยังคาดรายได้ในปี 2559 ที่ 1,437 ล้านบาท แต่ปรับกำไรสุทธิเพิ่มจาก 310 ล้านบาท เป็น 320 ล้านบาท โดยได้เพิ่มกำไรจากการขายอาคารพาณิชย์

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทมีรายได้จากการขายขยับขึ้นมาอยู่ที่ 379.00 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 349.75 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 94.40 ล้านบาท หรือ 0.26 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 70.24 ล้านบาท หรือ 0.19 บาทต่อหุ้น โดยมาจากผลการดำเนินของบริษัทที่เพิ่มขึ้น โดยยอดขายเพิ่มขึ้น และมาจากส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น มีกำไรจากการจำหน่ายทรัพย์สิน อาคารพาณิชย์ที่ไม่ได้ใช้งาน

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2559 บริษัทมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 1,083.49 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,015.29 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 251.74 ล้านบาท หรือ 0.70 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 204.54 ล้านบาท หรือ 0.57 บาทต่อหุ้น แสดงว่าบริษัทยังมีความแข็งแกร่ง

ที่น่าประทับใจอีกคือ เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินเพื่อเป็นตัวแปรในการตัดสินใจต่อการลงทุน พบว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง เพราะ บริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนมากถึง 697.28 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 369.30 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 1.89 เท่า แสดงว่า สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทยังมีมาก

ส่วนปัญหาหนี้สินของบริษัทไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะบริษัทมีหนี้สินรวมแค่ 763.57 ล้านบาท เมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นมากถึง 1,639.35 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.47 เท่า แสดงว่า บริษัทแทบไม่มีปัญหาเรื่องหนี้สินเลยก็ว่าได้

นอกจากนี้นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป คาดว่าในปี 2560 คาดจะเห็นการเติบโตของรายได้ที่ดีขึ้น จากการขยายงานในปี 2559 ที่ผ่านมา โดยบริษัทร่วมทุนกับ Wellco คาดว่าจะมีรายได้ดีขึ้นและหากได้งานจากผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ก็จะยิ่งเป็นผลดี ส่วน V-Two คาดว่าจะมีรายได้ที่ราว 30 ล้านบาทต่อปี และหากสามารถเข้าซื้อกิจการ food packaging หรือธุรกิจไอทีได้ ก็น่าจะเห็นรายได้ที่ดีกว่าคาด โดยเฉพาะ food packaging ที่ยอดขายสูง งานในต่างประเทศก็น่าจะมีรายได้ดีขึ้น ทั้งจากกัมพูชาและรุกเมียนมาร์

ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม SYNEX และ TBSP น่าจะยังเห็นทิศทางที่เติบโต โดยเฉพาะ SYNEX ที่ให้ส่วนแบ่งกำไรมากสุด มีแผนจะเข้าซื้อกิจการเช่นกัน น่าจะสนับสนุนการโตของ SYNEX ได้มากขึ้น ยังคงคาดรายได้ปี 2560 ไว้เดิมว่า จะโต 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 1,580 ล้านบาท โดยยังไม่รวมการทำ M&A และคาดกำไรสุทธิที่ 337 ล้านบาท โต 5.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเพราะไม่มีกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ามา

อย่างไรก็ตามอิง P/E ที่ 12 เท่า ราคาพื้นฐานปี 2560 อยู่ที่ 11.20 บาท อีกทั้งเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนปันผลดี คาดปี 2559 ที่ 0.55 บาท (จ่ายแล้ว 0.15 บาท) และปี 2560 ที่ 0.60 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1. บริษัท มงคลสุธี โฮลดิ้ง จำกัด 128,515,084 หุ้น 35.68%

2. OCBC SECURITIES PRIVATE LIMITED 12,903,125 หุ้น 3.58%

3. นายไพวรรณ ชาติพิทักษ์ 11,350,000 หุ้น 3.15%

4. นายบุญไชย ตันชัชวาล 10,200,495 หุ้น 2.83%

5. นายไพศาล ชาติพิทักษ์ 7,210,100 หุ้น 2.00%

 

รายชื่อกรรมการ

1.พลเอก มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ประธานกรรมการ

2.พลเอก มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ กรรมการอิสระ

3.นาย สุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานคณะกรรมการบริหาร

4.น.ส. ศิริวรรณ สุกัญจนศิริ กรรมการผู้จัดการ

5.นาย วีระชัย ศรีขจร กรรมการ

Back to top button