TOP กำไรแข็งแกร่ง

นับตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.60-17 ก.พ.60 ราคาหุ้น TOP มีการปรับตัวขึ้นร้อนแรง 3 วันติด โดยขึ้นไป 6.58% นับว่าเป็นการตอบรับอานิสงส์จากผลการดำเนินงานไตรมาส 4 มีความสดใสเป็นอย่างมาก ช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานงบปี 59 เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง


–คุณค่าบริษัท–

 

นับตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.60-17 ก.พ.60 ทางด้านราคาหุ้น TOP หรือ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) มีการปรับตัวขึ้นร้อนแรง 3 วันติด โดยขึ้นไป 6.58% นับว่าเป็นการตอบรับอานิสงส์จากผลการดำเนินงานไตรมาส 4 มีความสดใสเป็นอย่างมาก ช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานงบปี 59 เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 59 มีกำไรสุทธิ 5,802 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97% จากไตรมาสก่อน และ เพิ่มขึ้น 55% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มีสาเหตุหลักจาก (1) ค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มเป็น 6 เหรียญฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น40% จากไตรมาสก่อน

(2) กำไรสต๊อกน้ำมันดิบ 3.5 พันล้านบาท (ไตรมาส2 ปี 59 ขาดทุน 532 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการถูกกดดันจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี (รวมสารทำความสะอาดจากโครงการ LAB) และน้ำมันหล่อลื่นอ่อนตัวจากอัตรากำไรที่ปรับตัวลดลง รับรู้ Accounting GIM ที่ 11.5 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล

ทำให้ภาพรวมของผลการดำเนินงาน งบปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 21,221.91 ล้านบาท หรือ 10.40 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 12,181.37 ล้านบาท หรือ 5.97 บาทต่อหุ้น เพราะมีกำไรจากสต็อก 7.2 พันล้านบาท และมีสิทธิประโยชน์ทางภาษี 1.8 พันล้าบาท หากไม่รวมสองรายการนี้ Norm Profit จะอ่อนลง 33% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัทเพื่อเป็นตัวแปรในการตัดสินใจพบว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทค่อนข้างแข็งแกร่ง เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนมาถึง 115,730.64 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 34,145.83 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 3.39 เท่า แสดงว่า บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินมากเกินความจำเป็น

ส่วนปัญหาหนี้สินของบริษัทไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง เพราะบริษัทมีหนี้สินรวมแค่ 106,133.91 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีอยู่ 111,597.30 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 0.96 เท่า แสดงว่า แสดงว่า บริษัทไม่มีปัญหาหนี้สินมารบกวน

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล. ทรีนีตี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 83 บาท ด้วยปัจจัยหนุน (1) ปี 60 รับรู้กำไรจากโครงการ LABIX-TOPSPP เต็มปี (2) แนวโน้มส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าเติบโต โดยเราประเมินไว้ที่ 2 พันล้านบาท และ 2.3 พันล้านบาทต่อปี สำหรับปี 60-61 ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนธุรกิจหลัก (3) EV/EBITDA ปี 60 อยู่ที่ระดับ 6 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 8.54 เท่า (4) เงินปันผล 2H59 ที่อัตรา 3 บาทต่อหุ้น XD 27 ก.พ. 60)

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 1,001,647,483 หุ้น 49.10%

2.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 309,069,115 หุ้น 15.15%

3.STATE STREET BANK EUROPE LIMITED 73,448,595 หุ้น 3.60%

4.CHASE NOMINEES LIMITED 57,845,365 หุ้น 2.84%

5.STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY 35,188,682 หุ้น 1.72%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย คุรุจิต นาครทรรพ ประธานกรรมการ

2.นาย อธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่

3.นาย อธิคม เติบศิริ กรรมการ

4.นาย ยงยุทธ จันทรโรทัย กรรมการ

5.นาย สรัญ รังคสิริ กรรมการ

Back to top button