สังคมข่าวหุ้น

ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,714.14 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 7.19 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 7.8 หมื่นล้านบาท


นิวส์เวฟ

ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,714.14 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 7.19 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 7.8 หมื่นล้านบาท

* มูลค่าการซื้อขายตลาดหุ้นไทยเมื่อวานดุเดือดเลือดพล่านเป็นอย่างมาก และยังคงรักษาฟอร์มยืนเหนือระดับ 1,700 จุดไว้ได้ แต่ยังไงวันนี้ก็ต้องใช้ความระมัดระวังกันไว้หน่อย เพราะในช่วงวันศุกร์นี้ตลาดหุ้นไทยจะหยุดพักการซื้อขายกันแล้ว จึงมีแนวโน้มสูงไม่เบาที่อาจเกิดแรงขายทำกำไรหุ้นออกมาหลายตัวและกดดันตลาดในวันนี้ได้เช่นกัน ขณะที่ขาเข้าซื้อสุทธิต่างชาติจัดเก็บไป 1,600 ล้านบาท ตามด้วยบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 808 ล้านบาท สถาบันอีก 470 ล้านบาท ส่วนรายย่อยขายสุทธิหนักถึง 2,879 ล้านบาท

* เริ่มกันด้วยหุ้นแรกวันนี้ IVL สมกับฉายา “เจ้าพ่อเทกโอเวอร์ตัวจริง” ซึ่งล่าสุดได้ประกาศเข้าซื้อกิจการ DuPont Teijin Films เพื่อต่อยอดสายธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม (HVA) อีกแล้ว นี่ถ้าลองนับดีลสาย HVA ที่บริษัทประกาศทุ่มลงทุนกันไปในช่วงรอบปีนี้ เท่ากับเห็นไปแล้วมากถึงระดับ 2-3 ดีล ซึ่งแต่ละดีลล้วนแต่เป็นปัจจัยบวกที่เพิ่มโอกาสเติบโตในอนาคตให้กับ IVL ได้แข็งแกร่งทันที เพราะต่างเดินเครื่องผลิตกันหมดแล้ว

* หลายคนอาจสงสัยกันว่า IVL ทำไมระยะหลังถึงเดินหน้ามุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่ม HVA เป็นพิเศษ สาเหตุหลักมาจากกลุ่มธุรกิจ HVA ถือเป็นสายธุรกิจที่มีสินค้าให้มาร์จิ้นสูงมาก ดังนั้น จึงสะท้อนให้เห็นว่า ปัจจุบันบริษัทได้ให้ความสำคัญด้านการเติบโตเชิงกำไรเป็นพิเศษ (มากกว่าเติบโตเชิงวอลุ่ม) และกลุ่ม HVA ยังถือเป็นสินค้าที่คู่แข่งยากต่อการเลียนแบบ ทำให้มีอำนาจต่อรองในตลาดสูง

* งานนี้ต้องปรบมือให้ทีมบริหารของ IVL จริงๆ เพราะถ้าติดตามความเคลื่อนไหวของ IVL มาตลอดจะเห็นได้เลย ในรอบ 2-3 ปี หลังที่บริษัทรุกคืบขยายตลาด UHV แบบนอนสต็อป ล้วนสามารถสร้างการเติบโตคืนสู่บริษัทได้ในทันที และในบางดีลยังได้บันทึกกำไรพิเศษด้วยซ้ำไป จึงไม่น่าแปลกใจที่จะได้เห็นโบรกฯ พากันทยอยปรับเพิ่มราคาเป้าใหม่ให้ IVL กันบ่อยครั้ง และรอบล่าสุดได้ราคาเป้าหมายไปสูงถึงระดับ 59 บาทกันเลยทีเดียว

* ส่วนในแง่การลงทุนถ้าอยากได้กำไรหุ้นกันแบบเต็มๆ กับ IVL ต้องขาลงทุนแบบระยะกลาง-ระยะยาว ไม่ใช่ว่าสายเทรดดิ้งจะเล่นไม่ได้ คำตอบ คือ เก็งกำไรรับข่าวดีได้ตามปกติ แต่ถ้าอยากได้ผลตอบแทนแบบเต็มน้ำเต็มเนื้อต้องใช้เวลาถือเพื่อรับการเติบโตตามพื้นฐาน สะท้อนได้จากราคาหุ้นย้อนหลังในช่วงรอบ 2 ปีล่าสุด (59-60) เมื่อก่อนเทรดกันแถว 20 บาท แต่วันนี้ปาเข้าไปกว่า 44 บาทกันแล้วนั่นเอง * หุ้น FSMART ซื้อขายกันไม่สะท้อนพื้นฐานไปหน่อยแล้ว แนวโน้มธุรกิจของบริษัทยังเติบโตได้ดีแบบต่อเนื่อง ด้วยแรงหนุนของธุรกิจตู้เติมเงินบุญเติม ที่ยังคงมีผู้ใช้บริการหนาแน่น แถมปัจจุบันทางบริษัทยังมีจำนวนตู้มากกว่า 1 แสนตู้ จึงสามารถรองรับความต้องการใช้บริการลูกค้าได้แบบทั่วประเทศ

* เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนก็เห็นตู้บุญเติม จึงเป็นจุดบ่งชี้ชัดเจนว่า การกระจายปริมาณตู้ของ FSMART ได้รุกคืบเข้าสู่ทุกพื้นที่แล้ว และมีศักยภาพเด่นกว่าคู่แข่งสมกับฐานะผู้นำตลาด และทางบริษัทยังเพิ่มรูปแบบให้บริการที่หลากหลายยิ่งขึ้น สอดคล้องความต้องการผู้บริโภคยุคปัจจุบัน เช่น ล่าสุดให้บริการขายสติกเกอร์ไลน์ จึงถือว่า ตู้บุญเติมมีพัฒนาทางธุรกิจได้ดีต่อเนื่อง ล่าสุด โบรกฯ ให้ราคาเป้าหมาย 23 บาท เหลืออัพไซด์ให้ได้ลงทุนกันแบบสบายๆ

* ปิดท้ายด้วยหุ้น GGC เมื่อวานดิ่งแรงหนักไปกว่า 9% มาจบการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 16.90 บาท มีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 1,400 ล้านบาท ต้นเหตุมาจากมีกระแสการประเมินกันออกมาว่า งบไตรมาส 3 อาจออกมาไม่ดีกันอย่างที่คาดหวังกันไว้ ถึงแม้มีกำไรก็อาจจะต่ำกว่าที่เคยคาด แต่การที่หุ้นดิ่งตัวลงแรงไปกว่า 9% อันนี้ถือว่าปรับลงแรงเกินเหตุไปแล้ว เพราะในช่วงครึ่งปีหลังได้รับผลบวกไปจากธุรกิจไบโอดีเซลไปเต็มๆ เนื่องจากภาครัฐยังคงให้ใช้น้ำมัน B7 ต่อเนื่อง สำหรับขาลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น่าหาจังหวะช้อนเก็บไม่เบา เพราะพื้นฐานธุรกิจระยะยาว มีศักยภาพเติบโตได้ดีตามหุ้นแม่ PTTGC อย่างแน่นอน *

Back to top button