สังคมข่าวหุ้น

 ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,705.33 จุด ปรับลดลง 1.19 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 6.1 หมื่นล้านบาท


นิวส์เวฟ

* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,705.33 จุด ปรับลดลง 1.19 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 6.1 หมื่นล้านบาท

* หุ้น AOT มาตามนัดจริงๆ ประกาศงบปี 2560 (ต.ค. 2559-ก.ย. 2560) ฟันกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 20,683 ล้านบาท เรียกได้ว่าเป็นหุ้นบลูชิพที่มีฐานกำไรสุทธิแข็งแกร่งสุดๆ ผลบวกสำคัญมาจากปริมาณผู้โดยสารงวดปี 2560 ที่ฟาดเข้าไปถึง 129 ล้านคน และยังมีปริมาณเที่ยวบินมากกว่าระดับ 8 แสนเที่ยว ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นตัวเลขที่ผ่านการใช้บริการในสนามบินทั้ง 6 แห่งของ AOT ได้แก่ สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-หาดใหญ่-ภูเก็ต-เชียงใหม่-เชียงราย

* ที่น่าสนใจคือทิศทางในงวดปี 2561 เพราะแนวโน้มสดใสกันอย่างต่อเนื่อง ดูได้จากตัวเลขงวดเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งประเดิมงวดเดือนแรกของรอบปี 2561 ได้มียอดผู้โดยสารรวม 6 ท่าอากาศยานไปแล้วทั้งสิ้น 10.85 ล้านคน เติบโตขึ้น 12% จากปีก่อน และมีปริมาณเที่ยวบินรวม 7 หมื่นเที่ยวบิน โตขึ้นเกือบ 6% งานนี้ช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. ทั้งยอดเที่ยวบินและผู้โดยสารจะหนาแน่นขึ้นไปอีก เพราะขานรับช่วงซีซั่นท่องเที่ยวเต็มตัว และช่วยหนุนให้งบไตรมาส 1/2561 ออกมาสดใสแน่นอน ส่วนราคาเป้าหมายล่าสุดโบรกฯ ให้ไว้ถึง 68 บาท

* หุ้นน่าสนใจอีกตัวขอเลือก AMATA เพราะมีปัจจัยหนุนทั้งในเชิงระยะสั้น-ระยะยาว อย่างในระยะสั้นผลบวกมาจากทิศทางไตรมาส 4 ที่ออกมาโดดเด่น ด้วยแนวโน้มยอดขายที่ดินที่มีโอกาสเพิ่มระดับสูงขานรับการขายที่ดินแปลงใหญ่ ส่วนระยะยาวยังคงให้น้ำหนักกับ EEC ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายที่เห็นความชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ

* แถมล่าสุด ยังมีการสำรวจกันมาแล้วว่า ขณะนี้เอง AMATA มีที่ดินในมือในพื้นที่ EEC ไปแล้วมากกว่า 10,000 ไร่ ดังนั้น จึงถือเป็นอัพไซด์ชิ้นใหญ่ที่พร้อมอัพเกรดพื้นฐานหุ้นช่วงปี 2561 ขึ้นได้อีกสเต็ป เพราะทันทีที่เม็ดเงินลงทุนไหลเข้ามา AMATA ในฐานะผู้ที่มีที่ดินตุนในมือเยอะย่อมได้รับผลบวกเต็มๆ

* หุ้น WORK เมื่อวานดิ่งลงแรงเกือบ 6% จากจุดสูงสุดของวันแถว 90 บาท และสุดท้ายปิดตลาดอยู่ในแดนลบเพียง 84.50 บาท มีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 600 ล้านบาท สาเหตุที่หุ้น WORK ถอยลงแรง เพราะล่าสุดหลังจากสิ้นสุดงานประชุมนักวิเคราะห์ โบรกฯ ส่วนใหญ่มีมุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4 จะชะลอตัว

* โดยอัตราการใช้โฆษณาเห็นว่าอาจต่ำเพียงประมาณ 40% น้อยกว่างวดไตรมาส 3 ที่อยู่แถว 70% ซึ่งเท่ากับหายไปถึง 30% งานนี้ หากเป็นจริงน่าจะสั่นสะเทือนฐานรายได้เยอะ เพราะเม็ดเงินรายได้หลัก WORK ล้วนอิงมาจากฐานเม็ดเงินโฆษณาลูกค้านี่แหละ ขณะที่ต้นทุนค่าใช้จ่ายแม้ขยับขึ้นจากเดิมไม่มาก แต่ด้วยฐานรายได้โฆษณาที่หายไปเยอะ ก็เลยทำให้ WORK อาจตกอยู่ในจุดพลิกขาดทุน ขณะที่ตัวราคาหุ้นแม้เมื่อวานจะถอยลงไปแล้วเกือบ 6% แต่ใครที่คิดจะเข้าเก็บก็ควรใจเย็นไว้ก่อน อย่าเพิ่งรีบร้อนเข้าไปช้อนรับ เพราะส่องดูแล้วแรงขายยังไม่มีท่าทีสะเด็ดน้ำกันเลย

* หุ้น BGRIM เป็นหุ้นจากกลุ่มไฟฟ้าที่น่าสนใจไม่เบา เพราะมีข่าวดีให้รอลุ้นทั้งกรณีมีโอกาสคว้าโครงการไฟฟ้าไฮบริด หลังจากล่าสุดได้ผ่านคุณสมบัติไปเรียบร้อยแล้ว และภายในเร็วๆ นี้ยังเตรียมที่จะ COD โครงการโรงไฟฟ้าใหม่เข้ามาเสริมทัพเพิ่มอีก ใครที่กำลังมองหาหุ้นถือลงทุนยาวๆ นับว่าเป็นตัวเลือกดีไม่เบาเลยแหละ และยังคงต่ำกว่าราคาเป้าหมา 30 บาท

* ปิดท้ายด้วยหุ้น JKN หรือ เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย ไอพีโอน้องใหม่รายล่าสุด มีคิวลงสนามเทรดในตลาด mai กันในวันนี้ นับเป็นหุ้นพื้นฐานชั้นดีเช่นกัน สะท้อนได้จากงบไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ทางบริษัทกวาดกำไรสุทธิไปแล้วถึง 93 ล้านบาท โตกว่า 150% จากปีก่อน พร้อมกับช่วยสนับสนุนให้งบ 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิไปแล้วถึง 176 ล้านบาท ใครพลาด ไม่ได้หุ้น JKN ช่วงเปิดจองไอพีโอ ไม่ต้องเสียดาย เพราะโอกาสเข้าเก็บในวันนี้มาถึงมือท่านแล้ว

Back to top button