เล่นหุ้นไปตามธีม

ดัชนีหุ้นไทยเมื่อวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ


ดัชนีหุ้นไทยเมื่อวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ

สูงสุด 1,561.72 จุด และต่ำสุด 1,544.71 จุด

มูลค่าการซื้อขายกลับมาค่อนข้างเบาบางอีกครั้งกว่า  75,442 ล้านบาท

เข้าใจว่านักลงทุนน่าจะ wait and see หรือไม่ก็หลายคนน่าจะติดหุ้นกันอยู่บริเวณ 1,600 จุดนั่นแหละ

ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทย แม้จะมีปัจจัยหนุนมาจากต่างประเทศ

แต่หากปัจจัยในประเทศไม่เอื้ออำนวยที่จะดันดัชนีวิ่งกลับขึ้นมาได้

ก็จะอยู่ในสภาพอย่างที่เห็นกันไปแบบนี้

คำแนะนำของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ จะให้เล่นหุ้นกันไปตาม “ธีม”

เช่นก่อนหน้านี้ แนะนำกลุ่มโรงพยาบาล อย่าง BDMS BCH CHG และ EKH

พาราคาหุ้นเหล่านี้ขึ้นมาได้มากในระดับหนึ่ง

แน่นอนว่า จะต้องถูก (เท) ขายทำกำไร เพราะไปต่อไม่ไหว ราคาหุ้นบางตัวเกินกว่าราคาเป้าหมาย หรือพื้นฐานไปค่อนข้างมาก

แถมยังเป็นพื้นฐานที่จะเกิดขึ้นในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าด้วย

เมื่อวานนี้จึงเห็นการขายหุ้นกลุ่มการแพทย์หรือโรงพยาบาลกันออกมา จนราคาร่วงลงกันเกือบทุกหลักทรัพย์

ถามว่า แล้วจะหันไปเล่นกันในกลุ่มไหนต่อล่ะ

คำตอบคือ ยังอยู่ในกลุ่มการแพทย์

เพียงแต่เปลี่ยนจากกลุ่มโรงพยาบาล มายังเครื่องมือการแพทย์ เช่น  WINMED TM SAD และ BIZ

เมื่อวานนี้ WINMED กับ TM ยังคงโลดแล่น เพราะราคายังวิ่งขึ้นมาไม่เยอะ

แต่ในส่วนของ SMD กลับเริ่มถูกขายทำกำไรออกมาแล้ว หลังจากราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาต่อเนื่อง นับจากเข้าตลาดเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2564 (ราคาไอพีโอ 7.20 บาท)

เมื่อวานนี้ราคาปิด -0.50 บาท มาที่ 11.80 บาท เปลี่ยนแปลง -4.07%

มูลค่าการซื้อขายกว่า 223.5 ล้านบาท

หุ้นกลุ่มเครื่องมือการแพทย์ คงจะเล่นไปอีกสักระยะ

และเมื่อราคาไปถึงเป้าหมาย หรือเข้ามาใกล้ หรืออาจจะเกินกว่าพื้นฐาน

น่าจะถูกขายทำกำไรเหมือนกับกลุ่มโรงพยาบาล

ส่วนสัปดาห์นี้ TISCO จะแจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2564 วันที่ 15 ก.ค.นี้

ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

กำไรน่าจะอยู่ประมาณ 1.7-1.8 พันล้านบาท

เพิ่มขึ้น 24-25% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

วานนี้จะเริ่มเห็นการกลับเข้ามาไล่ราคาหุ้น TISCO กันแล้ว ปิดพุ่ง 2.00 บาท  มาที่ 91.50 บาท เปลี่ยนแปลง +2.23% มูลค่าการซื้อขาย 495 ล้านบาท

ข่าวผลประกอบการทิสโก้

ทาง “ข่าวหุ้นธุรกิจ” นำเสนอขายมาต่อเนื่องในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ช่วงที่ราคาลงไป 88-89 บาท ว่าเป็นระดับที่น่าทยอยซื้อ เพื่อรับผลประกอบการงวดไตรมาส 2

หุ้นอีกตัวที่เริ่มกลับมาไล่ราคากันอีกคือ “บัตรกรุงไทย” หรือ KTC

สัปดาห์ก่อน หุ้นแพนิกวูบลงไปแถว 63-64 บาท

มีรายใหญ่เข้ามาดักซื้อเก็บเข้าพอร์ตไว้เพียบ

หลังจากนั้น ราคาหุ้นค่อย ๆ ดีดตัวขึ้น จากกำไรที่ถูกคาดหมายว่าจะอยู่ระหว่าง 1.6 – 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 41-42% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

KTC จะแจ้งผลประกอบการก่อน แบงก์กรุงไทย (KTB) ก่อน 1-2 วัน

หากกรุงไทยแจ้งงบฯ วันที่ 20 ก.ค.

KTC ก็น่าจะแจ้งฯ ราว ๆ วันที่ 16 ก.ค.นี้

ราคาหุ้น KTC ลงมาต่ำกว่า 70.00 บาท จากแรงกดดันเรื่องรัฐบาลจะให้แบงก์ชาติปรับลดดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคลลงมา

ล่าสุด ผู้บริหารแบงก์ชาติแจ้งว่า ประเด็นนี้ยังไม่มีความคืบหน้า

คือ มีการหารือศึกษากัน แต่ยังไม่มีข้อสรุป หรือความคืบหน้าใด ๆ

อีกด้าน มีการวิเคราะห์กันว่า แบงก์ชาติคงไม่ปรับลดดอกเบี้ยลงมา และอาจไปใช้มาตรการอื่น ๆ แทน

เพียงแต่ว่า คงต้องไปหาแนวทาง หรือคำตอบให้กับรัฐบาล อะไรประมาณนั้น

ส่วนหุ้นกลุ่มแบงก์

สัปดาห์นี้น่าจะค่อย ๆ ขยับขึ้น และหลังจากแจ้งครบทุกแห่งในวันที่ 20-21 ก.ค.นี้ น่าจะเริ่มเห็นขายทำกำไร เว้นแต่บางแบงก์ที่แจ้งงบฯ ออกมาแล้ว ดีกว่าคาดการณ์ของตลาดค่อนข้างมาก

ตลาดหุ้นแบบนี้ สถานการณ์แบบนี้

คงต้องเล่นสั้น ๆ ไปตามธีม

Back to top button