ขวาสั้น ๆ..ซ้ายยาว ๆ

* ขอบอกตามตรงว่า “โมนิก้า” ไม่ได้รู้สึกดีใจแบบลิงโลดเมื่อเห็นดัชนียืนปิดที่ 1,552.36 จุด บวกไป 11.48 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.96 หมื่นล้านบาท เพราะเป็นการขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศธรรมดา ๆ ท่ามกลางปัจจัยพื้นฐานที่อยู่ในลักษณะง่อนแง่นแบบนี้ ย่อมทำให้การขึ้นเที่ยวนี้ไม่มั่นคงเหมือนที่ใจคาดหวัง และยังเร่งให้ผู้เล่นกลุ่มต่าง ๆ หันมาใช้ยุทธวิธี “ขยันซอย” มากขึ้นอีกด้วยนะนายจ๋า!


* ขอบอกตามตรงว่า “โมนิก้า” ไม่ได้รู้สึกดีใจแบบลิงโลดเมื่อเห็นดัชนียืนปิดที่ 1,552.36 จุด บวกไป 11.48 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.96 หมื่นล้านบาท เพราะเป็นการขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศธรรมดา ๆ ท่ามกลางปัจจัยพื้นฐานที่อยู่ในลักษณะง่อนแง่นแบบนี้ ย่อมทำให้การขึ้นเที่ยวนี้ไม่มั่นคงเหมือนที่ใจคาดหวัง และยังเร่งให้ผู้เล่นกลุ่มต่าง ๆ หันมาใช้ยุทธวิธี “ขยันซอย” มากขึ้นอีกด้วยนะนายจ๋า!

* สถานการณ์ข้างต้นทำให้ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ในภาวะ “เดี๋ยวดี..เดี๋ยวร้าย” โอนอ่อนไปตามอิทธิพลตลาดหุ้นต่างประเทศ จนโมเมนตัมของอยู่ในลักษณะไซด์เวย์ดาวน์ แต่จะมีปรากฏการณ์ชักกระตุกให้เห็นเป็นช่วง ๆ ย่อมบีบให้แฟนคลับต้องเน้นเคาะ “ขวาสั้น ๆ ซ้ายยาว ๆ” เพื่อความคล่องตัวในการลงทุน หลังผู้คนมากมายกังวลกับกำไรไตรมาส 3 จะลดลงอย่างน่าใจหายน่ะสิ

* ประกอบกับสัปดาห์หน้าจะมีทั้งวันหยุดยาว และวันหยุดคั่นกลางสัปดาห์ ย่อมสร้างแรงกระเพื่อมให้ตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” จึงไม่อยากทำตัวเป็นพวกโลกสวยในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งทะยานไม่หยุด จนบางกระแสพูดไปถึงขั้นวันละสองหมื่นก็มีให้เห็นประปราย และเผลอ ๆ อาจทะลักขึ้นไปในระดับสามหมื่นต่อวันก็ได้ เพราะมันมีตัวอย่างที่เกิดขึ้นในต่างประเทศให้เห็นแล้วน่ะสิ

* รายที่ต้องลุ้นหนักมาก ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นตราใบโพธิ์ SCB หลังกระชากขึ้นมาปิดที่ 95.25 บาท บวกไป 4 บาท หรือขึ้นไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.73 พันล้านบาท กลายเป็นตัวจุดชนวนความหวังที่จะได้เห็นการเปลี่ยนทิศเป็นไซด์เวย์อัพขึ้นมาทันที! แถมเมื่อดูจากบุ๊กแวลูที่อยู่ในระดับ 123 บาท ก็ทำให้เชื่ออย่างสนิทใจว่า การทยอยเก็บหุ้นตรงบริเวณนี้ค่อนข้างเซฟ จึงนำเรียนให้ทุกท่านได้ทราบ..อิอิอิ

* เช่นเดียวกับในรายของ STARK ยังพยายามขึ้นยืนเหนือเส้น 200 วันตรงบริเวณ 4.14 บาทตลอดเวลา จนวานนี้ขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 4.20 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 3.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 821 ล้านบาท ย่อมทำให้ขาประจำคาดหวังถึงโอกาสที่หุ้นจะวิ่งขึ้นไปถึงยอดเดิมบริเวณ 4.50 บาทในทันที เพราะโมเมนตัมของหุ้นมันได้จริง ..ส่วนเรื่องที่ว่า ไปถึงแล้วจะจบรอบเหมือนครั้งก่อนไหม? อันนี้ต้องดูกันต่อไปเจ้าค่ะ

* ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องมองไปที่หุ้น 7UP อย่างรวดเร็ว หลังหุ้นทะยานขึ้นมาแบบไม่หยุดหย่อน จากต้นเดือน พ.ค. มีค่าตัวไม่ถึงบาท ล่าสุดยืนปิดที่ 3 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 0.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 666  ล้านบาท คุณ ๆ ท่าน ๆ คิดว่าจะจบแค่นี้ไหม? หรือมองว่า ธุรกิจน้ำที่ทำให้ฟาร์มกุ้งของซีพีปังปุริเย่! พ่วงด้วยประปาภูเก็ตก็ดีขึ้นต่อเนื่อง หุ้นจึงมีสิทธิ์ได้ไปต่อ..ก็ว่ากันไป ส่วนอีฉันขอดูห่าง ๆ ดีกว่า หลังหุ้นขึ้นมา 2 เท่าตัวแล้วน่ะสิ

* อีกรายที่มาแบบสวยงาม และมีสตอรี่รองรับพอดี “โมนิก้า” คงให้เครดิตกับหุ้นข้าวโพดหวาน APURE หลังหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 7 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 12% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 633 ล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 13 เท่า ย่อมเป็นแรงกระตุ้นให้ขาลุยวิ่งเข้าใส่แบบไม่ลังเลใจ แถมคนในวงการพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ธุรกิจอยู่ในช่วงขาขึ้นเสียด้วย..ทุกคนเลยพร้อมที่จะจัดหนักตามกระแสไงล่ะคะ

* ส่วนรายที่ขึ้นเป็นหุ้นการเมือง และอยู่ในอาการโอเวอร์รีแอคแบบน่าฉงน “โมนิก้า” คงพุ่งเป้าไปยัง ARIN แบบไม่ลังเลใจ แถมเมื่อดูนามสกุลของผู้ถือหุ้นใหญ่คือ “ชมกลิ่น” (รมต.แรงงาน) ทุกคนก็ถึงบางอ้อแบบรวดเร็ว แต่ที่น่าแปลกใจสุด ๆ คือ หุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 1.48 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 17.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 200 ล้านบาท ทั้งที่บรรทัดสุดท้ายของงบตัวแดงแปร๊ดแบบนี้..มันเข้าข่ายหุ้นลูกเต๋าเลยนะลูกเพ่!

* นอกจากนี้ยังอยากให้ขาลุยดูหุ้น NCL เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่า “ดันกันสนุก ทุบกันมัน” ย่อมมีหุ้นตัวนี้ติดโผหุ้นร้อนเป็นประจำสัปดาห์อยู่แล้ว “โมนิก้า” เลยไม่ต้องอธิบายอะไร เหตุผลที่หุ้นทรุดฮวบลงมาปิด  3.80 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 7.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 323 ล้านบาท เพราะช่วงต้นเดือนเพิ่งดันหุ้นขึ้นไป 4.12 บาท ต่อจากนั้นทุบลงมาเรื่อย ๆ จนลงมากองอยู่ที่ 3.20 บาท ก่อนจะดันกลับขึ้นไปอีกครั้งแบบนี้..ทรงเดียวกันเลยนะคุณพี่

Back to top button