ศรัทธา และ ข้อสงสัย

ราคาหุ้น GULF เมื่อวันพุธที่ผ่านมาตอนบ่าย วิ่งขึ้นอย่างแรงด้วยแรงซื้อหนุนเนื่อง จากราคาเปิดตลาดที่ 33.75 บาท ไปปิดตลาดที่ 36.00 บาท ทั้งที่ยังไม่ประกาศงบกลางปีแต่อย่างใด


ราคาหุ้น GULF เมื่อวันพุธที่ผ่านมาตอนบ่าย วิ่งขึ้นอย่างแรงด้วยแรงซื้อหนุนเนื่อง จากราคาเปิดตลาดที่ 33.75 บาท ไปปิดตลาดที่ 36.00 บาท ทั้งที่ยังไม่ประกาศงบกลางปีแต่อย่างใด

เชื่อกันว่า แรงซื้อที่สวนทางกับทิศทางตลาดที่ร่อแร่ มาจาก 2 สาเหตุ คือ การประกาศจ่ายปันผลงดงามของ INTUCH ที่หุ้นละ 1.23 บาท ทั้งที่มีกำไรลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนเล็กน้อย (จากการที่ THCOM ขาดทุน และ ADVANC กำไรลดลง) และการที่ GULF ประกาศว่าถือครองหุ้นเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งของ INTUCH ไปแล้ว

GULF เพิ่งประกาศเมื่อต้นสัปดาห์นี้ถึงผลทำเทนเดอร์หุ้น INTUCH (ระยะเวลาในการรับซื้อหุ้น 25 วัน ตั้งแต่ 29 มิ.ย. ถึง 4 ส.ค. 2564) มีผู้นำหุ้นมาขาย ณ 27 ก.ค. 2564 จำนวน 318.15 ล้านหุ้น คิดเป็น 9.92% ทำให้เมื่อรวมกับหุ้นถือก่อนหน้า เพิ่มเป็น 925.03 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.85% เหลือเวลารับซื้อถึง 4 ส.ค. 2564 ส่วน ADVANC ไม่มีผู้นำหุ้นมาขาย เหลือเวลารับซื้อถึง 13 ส.ค. 2564

คำนวณง่าย ๆ ในเบื้องต้น GULF จะบันทึกรายได้จากเงินปันผลงวดจาก INTUCH ประมาณ 1.1 พันล้านบาท น่าจะส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้นในงวดไตรมาสสาม หลังจากที่มีกำไรจากไตรมาสแรกของปีนี้ที่ 2.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมากถึง 158% ต่างจากขาดทุนในระยะเดียวกันปีก่อน จากเงินปันผลงวดสิ้นปี 2563 ที่ได้รับจาก INTUCH ประมาณ 700 ล้านบาท (จากสัดส่วนเดิมซึ่งถือครอง INTUCH ที่ 18.93%) และรับรู้รายได้จากโครงการลม BKR2 ในเยอรมนี

รายได้จากเงินปันผลในการเข้าถือหุ้น INTUCH บริษัทโฮลดิ้งทางด้านโทรคมนาคม เปิดโอกาสกลายเป็น “ไข่ห่านทองคำ” ให้ GULF ไปอีกยาวนาน แม้จะไม่ใช่รายได้หลัก แต่ถือได้ว่าเป็น “ตัวช่วย” เป็นหลัก ขณะที่อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรจากธุรกิจหลักคือ ไฟฟ้าเริ่มถดถอยลงชัดเจน

ข้อเท็จจริงนี้เป็นที่ทราบกันดี แต่นักวิเคราะห์หุ้น ขาทุบ ก็ยังคงมีมุมมองเช่นเดียวกันกับที่ปรึกษาการเงินอิสระว่า การทำคำเสนอซื้อหุ้น INTUCH และ ADVANC จะเป็นผลเสียหายกับ GULF ในอนาคต จากต้นทุนการก่อหนี้ที่จะได้รับผลตอบแทนไม่คุ้ม

คำชี้แนะของนักวิเคราะห์ที่ออกมาให้  ซื้อ หุ้น GULF จึงมีเงื่อนไขกำกับไว้ด้วยเสมอว่า ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 40.00 บาทนั้น จะต้องเกิดขึ้นภายใต้สมมติฐานที่ว่า ซื้อหุ้นเพิ่มใน INTUCH ได้น้อยเท่าใด ยิ่งเป็นผลดี หรือให้ดีสุดคือดีลล่ม

การจ่ายปันผลของ INTUCH งวดกลางปีที่งดงาม แม้ว่าจะมีกำไรถดถอยลง 4.8% ทำให้เห็นข้อเท็จจริงว่า นับตั้งแต่งบสิ้นงวดปี 2561 เป็นต้นมา กำไรสุทธิของ INTUCH แซงขึ้นสูงกว่ารายได้รวมมาโดยตลอด ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากรายได้ที่ลดลง แต่กำไรสุทธิซึ่งคงที่ เหนือ 1.1 หมื่นล้านบาทคงที่มาตลอด จนถึงสิ้นงวดปี 2563 ที่ผ่านมา ยิ่งทำให้อัตรากำไรสุทธิของ INTUCH สูงลิ่ว จนมากกว่า 200%

โดยเฉพาะไตรมาสแรกของปีนี้ มีอัตรากำไรสุทธิสูงสุดเป็นสถิติใหม่มากถึง 261​% และแนวโน้มกำไรสุทธิโดยรวมน่าจะคงที่หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งหมายความว่าอัตรากำไรสุทธิน่าจะเพิ่มขึ้นไปอีก

ข้อเท็จจริงช่วยตอกย้ำว่า การเข้าถือหุ้นของ GULF จากสัดส่วนเดิมแค่ 15% เพิ่มเป็นเกือบ 30% (แม้ต่ำกว่าเป้า 50%) …จะเกิดผลดีมากกว่าผลเสียต่ออนาคตของ GULF ทำให้หักกลบท่าทีเชิงลบต่อดีลทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ เพื่อถือหุ้นใน INTUCH และ ADVANC เพราะความกังวลว่าจะติดกับดัก ปลาเล็กกินปลาใหญ่ดังที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ที่ปลาเล็กเกิดอาการ ท้องอืดตาย เพราะผลตอบแทนการลงทุนต่ำเตี้ยกว่าต้นทุนการเงินในการก่อหนี้ ไปได้มาก

เหตุผลหลักจากการที่ GULF ใช้เงินไม่มากนัก แต่ได้สัดส่วนหุ้นที่มีอิทธิพลสูงใน INTUCH​ ที่เป็นบริษัทมีลักษณะ CashCow ที่มีอัตราเติบโตในอนาคตค่อนข้างต่ำ จะไม่ขัดขวางการลงทุนเพื่อสร้างธุรกิจไฟฟ้าที่มีลักษณะเป็น กิจการใช้เงินทุนสูงในอนาคต (Capital Intensive) เท่ากับสูญเสียโอกาสลงทุนในธุรกิจหลักไป

จากนี้ไปหุ้น INTUCH อันเป็นหุ้นมีจุดขายเป็นสตอรี่ในเรื่อง การจ่ายเงินปันผลที่สวยหรูทุกครั้ง จะตอกย้ำว่า ยุทธศาสตร์ธุรกิจของผู้บริหาร GULF นั้น เหนือกว่าความสงสัยของเหล่านักวิเคราะห์เพียงใด

ส่วนจะเป็นดังที่ ดอสโตเยฟสกี้เคยกล่าวไว้ใน “พี่น้องคารามาซอฟ” ที่ว่า “สงครามระหว่างความสงสัยกับศรัทธา เกิดขึ้นตลอดเวลา… ศรัทธามิได้เริ่มต้นด้วยคำคาม มันจึงขาดท่าทีวิพากษ์วิจารณ์ ที่มักพาให้หลงผิดได้ แต่ความสงสัยก็ทำลายความฝันได้ง่ายดายมากเกิน” เป็นสิทธิซึ่งนักลงทุนระดับแมงเม่าคงต้องเลือกเอาว่า จะเป็นอย่างไหน

ตาดีก็ได้ ตาร้ายก็เสีย

Back to top button