ทุบม็อบบิดหลัก กม.

ม็อบชุมนุมฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน ซึ่งออกเพื่อยับยั้งไวรัส ไม่ใช่เพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพทางการเมือง แต่ตำรวจหวังดีเกรงผู้ชุมนุมจะติดเชื้อ? ใช้รถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา กระสุนยาง สลายม็อบ


ม็อบชุมนุมฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน ซึ่งออกเพื่อยับยั้งไวรัส ไม่ใช่เพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพทางการเมือง แต่ตำรวจหวังดีเกรงผู้ชุมนุมจะติดเชื้อ? ใช้รถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา กระสุนยาง สลายม็อบ

ประยุทธ์อ้างตำรวจยึดหลักสากล โธ่ถัง อยากใช้อำนาจตามอำเภอใจทำไมต้องอ้างหลักสากล ทำให้คุณสากลเสียหาย ปืนจ่อหัวก็บอกว่าหลักสากล คนหนึ่งปืนจ่อ คนหนึ่งเจรจา เฮ้ย นั่นมันใช้กับผู้ก่อการร้ายมีอาวุธ ไม่ใช่ประชาชน

ม็อบปลดแอกจะไปราบ 1 ตำรวจปิดกั้น ม็อบยื้อยุดตู้คอนเทนเนอร์ ตำรวจฉีดน้ำไม่ให้เข้าใกล้ ยังพอทำเนา แต่เหตุการณ์มันไม่แค่นั้น ตำรวจขึ้นไป “ซุ่มยิง” จากบนตึกสูง ใช้ทั้งแก๊สน้ำตา กระสุนยาง แก๊สตลบไปถึงบ้านเรือนประชาชน แล้วใช้กำลังไล่สลายม็อบ ที่ถอยไปถึงอนุสาวรีย์ชัย ไล่ยิงเหวี่ยงแห ยิงระยะประชิดใส่ตัวคน

นี่กลัวคนมาชุมนุมจะติดเชื้อ? ไม่ใช่เลย มันอ้าง พรก.ฉุกเฉินใช้ความรุนแรงสลายม็อบ ที่มองว่าเป็นภัยต่อรัฐบาลและเครือข่ายอำนาจ ตำรวจไม่ใช่แค่สกัดกั้น ไม่ต้องการให้ม็อบไปบ้านประยุทธ์ แต่ตำรวจต้องการไล่ทุบ ต้องการให้เกิดเหตุบานปลาย แล้วจะได้ยิ่งใช้กำลัง

“ถ้าไม่เล็งไปที่ผู้ชุมนุมแล้วจะเล็งไปที่ไหน” รองโฆษกตำรวจกล่าวถึงการใช้กระสุนยาง เป็นโฆษกได้ไง ไม่เคยอ่านหลักการสหประชาชาติ หรือแม้แต่คู่มือตำรวจตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ “การยิงกระสุนยาง ให้ยิงต่อเป้าหมายที่กระทำการ หรือมีท่าทีคุกคามต่อชีวิตบุคคลอื่น”

ในหลักสากล การควบคุมฝูงชนต้องใช้ทักษะ การใช้กำลังที่ทำให้ผู้ชุมนุมโกรธ ย่อมทำให้บานปลาย อาจเกิดจลาจล แต่ตำรวจไทยชอบให้เป็นอย่างนั้น เพื่อจะได้ทุบให้หนำ พอม็อบโกรธ พวกที่เชียร์รัฐบาลก็ไปจับภาพรถตำรวจถูกเผา “เผาบ้านเผาเมือง”

แล้วไง 14 ตุลาก็เผา พฤษภา 35 ก็เผา ใครเผาเป็นอีกเรื่อง ไปพิสูจน์กัน แต่ถ้าเป็นเพราะม็อบโกรธ มันก็คือการตอบโต้ที่ถูกไล่ยิง พวก กปปส.ยิ่งกว่านี้อีก ขว้างระเบิดใส่ตำรวจ-มือปืนป๊อปคอร์น การเผารถตำรวจไม่มีตำรวจอยู่ในนั้น ไม่ใช่รถชาวบ้าน ถือเป็นการตอบโต้รัฐ

รัฐเป็นใหญ่ให้ท้ายตำรวจใช้กำลังเกินเหตุ ใช้กฎหมายเกินเหตุ คลิปเสียงสั่งตำรวจที่หลุดมาก่อนม็อบ บอกว่า ผบ.ตร.สั่งยึดรถเครื่องเสียง แม้ฝ่ายกฎหมายยังโต้แย้งกัน เพราะใช้เครื่องเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตปรับ 200 บาท ไม่ใช่ความผิดถึงขั้นยึดรถ แบบใช้รถขนยาเสพติด

ในคลิปยังสั่งพนักงานสอบสวนเร่งส่งฟ้องม็อบทั่วประเทศ โดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับอัยการ ศาล นี่ผิดชัดเจน ตำรวจไทยทำได้อย่างไร

ไผ่ ดาวดิน “ทะลุฟ้า” ม็อบเรียกร้องให้ปล่อยรถเครื่องเสียงและคนขับ ที่ถูกจับโดยไม่เป็นไปตาม ป.วิอาญา ตำรวจยึดโทรศัพท์กว่าจะได้เจอทนาย แล้วตำรวจก็จับไผ่กับเพื่อนขึ้นศาลทุจริตฐาน “ข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ” ศาลเรียกเงินประกัน 3 ล้าน

เฮ้ย ม็อบ 30 กว่าคน ไปเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อน ตำรวจมี 3 กองร้อย หาว่าข่มขืนใจตำรวจ ตั้งข้อหาเก่งจัง

อันที่จริงนี่เป็นพฤติกรรมตำรวจไทย และเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ชาวบ้านรู้ดี นักธุรกิจก็รู้ดี ตั้งข้อหาเบาก็ได้ หนักก็ได้ ไม่ผิดก็หาที่ผิดได้ แต่สังคมไทยกลับเต็มไปด้วยพวกเชื่อยาแรง “ไม่ผิดแล้วกลัวอะไร” สนับสนุนให้ใช้กฎหมายเอาผิดแรง ๆ คนทำผิดจะได้กลัว ไม่คิดว่าเพิ่มอำนาจเจ้าหน้าที่ และยิ่งเพิ่มการฉ้อฉล

เช่นกฎหมายแรงงานต่างด้าว โทษหนักปรับแพงแล้วไง ก็เพิ่มอำนาจเจ้าหน้าที่ เพิ่มส่วยฉ้อฉล

จนแรงงานเถื่อนล้น ติดโควิดพาตายเป็นเบือ

รัฐที่มีอำนาจมาก เป็นภัยต่อทุกคน การอ้างกฎหมายใช้อำนาจรุนแรง เป็นภัยต่อสังคมไม่ใช่แค่ม็อบ

Back to top button