พ้นจากความกลัวและความโลภ

ท่ามกลางกระแสการต่อสู้ระหว่างความกลัว และความโลภ การซื้อเพื่อดันดัชนีนั้น เกิดขึ้นกับหุ้นที่มีผลประกอบการน่ายินดีทั้งสิ้น


ท่ามกลางกระแสการต่อสู้ระหว่างความกลัว (การขายทำกำไร) และความโลภ (แรงซื้อเพื่อดันดัชนีให้พ้นแนวต้าน 1,600 จุด) เมื่อวานนี้ มีปรากฏการณ์น่ายินดีเกิดขึ้นคือ การซื้อเพื่อดันดัชนีนั้น เกิดขึ้นกับหุ้นที่มีผลประกอบการน่ายินดีทั้งสิ้น

คำว่าหุ้นน่ายินดีคือ หุ้นที่มีกำไรครึ่งแรกของปีดีเด่น (ไม่ว่าหุ้นนั้นจะได้กำไรจากรายได้ปกติหรือรายได้พิเศษก็เถอะ) และมีการจ่ายปันผลงดงาม ไม่ได้ซื้อหุ้นเพื่อดันดัชนีตามสัญญาณทางเทคนิค (เช่นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่หรือหุ้นพิมพ์นิยม) เฉย ๆ

ข้อเท็จจริงจากพฤติกรรมก็เห็นได้ว่า นักลงทุน (ไม่ว่าจะเป็นแมงเม่าหรือขาใหญ่) ที่เข้ามาในตลาดระยะหลังมานี้ เรียนรู้ได้เร็วเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า มูลค่าผู้ถือหุ้น หรือ shareholder’s values

วันนี้ เลยขอถือโอกาสสาธยายเรื่องนี้กันสักเล็กน้อยว่าเจ้ามูลค่าผู้ถือหุ้น คืออะไร?

พลิกดูตำราการเงินจะเห็นคำนิยามอันน่างงงวยว่า มูลค่าผู้ถือหุ้นคือมูลค่าที่ส่งมอบให้กับเจ้าของทุนของบริษัท เนื่องจากความสามารถของผู้บริหารในการเพิ่มยอดขาย รายได้ และกระแสเงินสดอิสระ ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของเงินปันผลและกำไรจากเงินทุนสำหรับผู้ถือหุ้น

มูลค่าผู้ถือหุ้นของบริษัทอาจจะไม่ใช่มูลค่าเป็นตัวเลขปัจจุบันทางบัญชี หรือที่ปรากฏในงบการเงิน แต่เป็นมูลค่า (ราคา X ปริมาณ) ในอนาคต ที่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ของคณะกรรมการบริษัทและผู้บริหารระดับสูง รวมถึงความสามารถในการลงทุนอย่างชาญฉลาดและสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุน หากมูลค่านี้ถูกสร้างขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะยาว ราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้น และบริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบรวมกิจการมีแนวโน้มที่จะทำให้มูลค่าผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ในบางครั้ง มูลค่าผู้ถือหุ้นสามารถกลายเป็นประเด็นร้อนสำหรับองค์กรได้ เนื่องจากการสร้างความมั่งคั่งให้กับผู้ถือหุ้นไม่ได้แปลว่า คุณค่าสำหรับพนักงาน หรือ ลูกค้าของบริษัทเสมอไปหรือเท่าเทียมกัน

3 ประเด็นที่สำคัญที่นักลงทุนต้องรู้เกี่ยวกับกิจการที่จะเข้าซื้อหุ้นในตลาด คือ

* มูลค่าผู้ถือหุ้นคือมูลค่าที่ให้แก่ผู้ถือหุ้นในบริษัท โดยพิจารณาจากความสามารถของบริษัทในการรักษาและเพิ่มผลกำไรเมื่อเวลาผ่านไป

* การเพิ่มมูลค่าผู้ถือหุ้นจะเพิ่มยอดรวมในส่วนของผู้ถือหุ้นในงบดุล (บางครั้งในรูปมาร์เก็ตแคปที่เพิ่ม บางครั้งในรูปอัตรากำไร หรืออัตราส่วนทางการเงินที่ดีขึ้น)

* คติพจน์เกี่ยวกับการเพิ่มมูลค่าผู้ถือหุ้นนั้น แท้จริงแล้วเป็นตำนานเชิงปฏิบัติ ผู้บริหารไม่มีหน้าที่ทางกฎหมายในการเพิ่มผลกำไรสูงสุดขององค์กร

การเพิ่มมูลค่าผู้ถือหุ้นจะเพิ่มยอดรวมในส่วนของผู้ถือหุ้นในงบดุล เป็นการใช้สินทรัพย์เพิ่มมูลค่า

บริษัทระดมทุนเพื่อซื้อสินทรัพย์และใช้สินทรัพย์เหล่านั้นเพื่อสร้างยอดขายหรือลงทุนในโครงการใหม่ที่มีผลตอบแทนที่คาดหวังในเชิงบวก  บริษัทที่มีการจัดการที่ดีจะใช้สินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการได้ด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีขนาดเล็กลง

ความเข้าใจในเรื่องมูลค่าผู้ถือหุ้นจึงมากกว่าเรื่องของราคาหุ้นขึ้นหรือลงธรรมดา

ประเด็นสำคัญของการทำความเข้าใจในเรื่องนี้ จึงอยู่ภายใต้สูตรทางด้านการบริหารธุรกิจร่วมสมัย ซึ่งปัจจุบันมีสองสูตร คือสูตรทั่วไป 5 ข้อ 1. เพิ่มราคาต่อหน่วย  2. ขายหน่วยเพิ่ม 3. เพิ่มการใช้ต้นทุนคงที่ 4. ลดต้นทุนต่อหน่วย 5. การเลือกการดำเนินการปรับปรุงที่เหมาะสมและสร้างมูลค่า และสูตรเฉพาะ 10 ข้อของ Alfred Rappaport ปรมาจารย์ทางด้านนี้ (ซึ่งซับซ้อนเกินกว่าจะพูดถึงในที่นี้)

ความสามารถในการรู้ทัน บอร์ดและซีอีโอ ที่จะทำให้แมงเม่าติดปีก บินเข้ากองไฟได้โดยปีกไม่ไหม้อีกต่อไป

และพอร์ตการลงทุนของพวกเขาจะเติบโตได้ดียั่งยืน

Back to top button