ตลาดนัดหุ้นร้อน

เป็นอีกครั้งที่ต้องเอ่ยถึงบรรดาหุ้นที่แฟนคลับอยากรู้ ทั้งที่ไม่เห็นประโยชน์อันใดในระยะยาว และคนที่เข้ามาเล่นก็เป็นพวกเขี้ยวลากดินทั้งนั้น


*วันนี้เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” ต้องจำใจเอ่ยถึงบรรดาหุ้นร้อนที่แฟนคลับใคร่อยากรู้ ทั้งที่เดี๊ยนไม่เห็นประโยชน์อันใดในระยะยาว และคนที่เข้ามาเล่นก็เป็นพวกเขี้ยวลากดินทั้งนั้น จึงมีโอกาสพลาดพลั้งที่จะเจอตอเข้าอย่างจัง และต้องจำใจตัดขายขาดทุนเหมือนครั้งก่อน ๆ ที่เคยเป็นมาแบบนี้ มันคือตลาดนัดสำหรับพวกเสือปืนไวเพียงกลุ่มเดียว บรรดาเม่าถึงต้องเผื่อใจกับเกมโหดที่สามารถออกได้ทุกหน้านะจะบอกให้

*ประกอบกับนิสัยส่วนตัวของอีฉันเป็นคนประเภท “มีคนเสนอ ก็ต้องสนอง” จึงขอยกพื้นที่ให้กับพวกดาวรุ่งผีพุ่งใต้แบบเนื้อ ๆ เน้น ๆ กันไปเลย เพราะภาพรวมของการลงทุนคงไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากไปกว่านี้ แถมตลาดหุ้นไทยยังถูกกดดันจากปัจจัยภายนอกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดวงเงินคิวอี เฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่ากำหนด และเพดานหนี้ของอเมริกาที่ยังวุ่นวาย หรือแม้กระทั่งการขึ้นภาษีนิติบุคคล ล้วนเป็นตัวแปรที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกระส่ำอย่างหนักเจ้าค่ะ

*ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,605.17 จุด ลบไป 0.51 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.56 หมื่นล้านบาท ย่อมเป็นภาพสะท้อนความกังวลที่มีต่อเรื่องราวดังกล่าวได้เป็นอย่างดี และยังชี้ให้เห็นโอกาสที่หุ้นไทยจะตีตื้นในระยะสั้น ๆ คงเป็นเรื่องที่ลำบากเหมือนกัน “โมนิก้า” ถึงพยายามชี้ให้เห็นว่า การยืนระยะของหุ้นขนาดใหญ่ และขนาดกลางที่ทำได้ขนาดนี้ น่าจะเป็นผลงานที่ดีสุดในสถานการณ์เช่นนี้นะคะ

*ส่วนรายที่ออกอาการเป๋สุด ๆ จนแทบจะกู่ไม่กลับ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น ICN เป็นรายแรกสำหรับการเม้าท์แตกเที่ยวนี้ เพราะดูจากแรงขายที่กระหน่ำออกมา 4 วันติด ทำให้หุ้นตกอยู่ในภาวะขาลงอย่างเต็มตัว และดูเหมือนก๊วนเจ้ามือจะปล่อยฟรีชั่วคราว หุ้นถึงลงมาปิดที่ 7.20 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 261 ล้านบาทอย่างง่ายดาย และมีความเป็นไปได้ที่หุ้นจะไหลลงอีกพะยะค่ะ

*คล้ายกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้น DIMET ซึ่งมีการ “ดันปล่อย..ดันปล่อย” เป็นช่วง ๆ ก็มาจากเฟคสตอรี่ที่พยายามปั่นกระแสก่อนหน้านี้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรให้เห็นเป็นชิ้นเป็นอันสักที หุ้นถึงโรยตัวจากยอดบนที่ราคา 0.88 บาทลงมาเรื่อย ๆ จนล่าสุดยืนปิดที่ระดับ 0.63 บาท ลบไป 0.01 บาท หรือลงไป 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 67 ล้านบาท ท่ามกลางบรรทัดสุดท้ายของงบแดงแป๊ดแบบนี้..เดี๊ยนไม่ไหวจะเคลียร์นะจ๊ะ

*สำหรับในรายของหุ้นร้อน EFORL ถูกหลายคนตั้งคำถามถึงเกี่ยวกับการเทิร์นอะราวด์ และการทำกำไรครึ่งปีหลังจะช่วยอัพแวลูขนาดไหน? เพราะเมื่อเหลือบดูกำไรครึ่งปีแรกที่ระดับ 120 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้นมีแค่ระดับ 0.003 บาท มันคือแรงกดดันมหาศาลที่บอกให้ผู้บริหารรู้ว่า กำไรครึ่งปีหลังต้องทำได้ในระดับ 300 ล้านบาท ถึงจะทำให้กำไรต่อหุ้นทั้งปีขึ้นมาอยู่ที่ 1 สตางค์ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับมองการยืนปิดที่ 0.22 บาท ลบไป 0.01 บาท หรือขึ้นไป 4.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 151 ล้านบาท เว่อร์ไปไหม? ลองไปคิดดูละกัน!

*เช่นเดียวกับในรายของ UREKA ก็มาในทรงโอเว่อร์แอคติ้งแบบเต็มตัว และเหตุผลที่ทำให้หุ้นขึ้นแรงเที่ยวนี้ก็มาจากปรับทัพใหม่ พร้อมกับมีหุ่นเชิดอย่าง “สุนิสา” ขึ้นมานั่งเก้าอี้ซีอีโอแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่ท้าทายสำหรับการทำให้บริษัทกลับมาทำกำไรอย่างบูรณาการ เพราะจนบัดนี้ก็ยังมองไม่ออกเหมือนกันว่า จะเล่นท่าไหน? ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานขึ้นมายืนปิดที่ 3.32 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 134 ล้านบาท ทั้งที่ต้นเดือนก่อนย่ำต๊อกอยู่แถว ๆ 0.90 บาท เดี๊ยนเลยสงสัยว่า เดือนเดียวขึ้นมา 3 เท่าตัว..มันโหดไปไหมท่านซีอีโอ..โอโอ!

*ในเมื่อเอาความเชื่อเป็นตัวนำในการเล่น “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นตัวจี๊ดอย่าง UMI เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับคนชอบเสี่ยงแบบไม่ลังเลใจ เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.68 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือขึ้นไป 1.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 264 ล้านบาท ทั้งที่มีตัวแดงติดตัวเป็นเวลาหลายปี ย่อมทำให้เดี๊ยนรู้สึกคาใจอย่างแรง และมองเกมหุ้นเที่ยวนี้เป็นเรื่องของการเล่นสั้น ๆ เหมือนเช่นที่ผ่านมาไงล่ะคะ

*ส่วนรายที่ทำให้กองเชียร์เกิดอาการเซ็งเป็ดกันเป็นแถว (โม้ไว้เยอะ) อย่าง 7UP ถือเป็นบทเรียนที่ทำให้ทุกคนรู้ว่า การขึ้นของหุ้นมันเป็นของปลอมทั้งดุ้น เพราะเงินที่จะจ่ายค่าหุ้นบริษัททำน้ำประปาก็ยังไม่มีให้เขาเลย แล้วจะหวังอะไรกับอนาคตของบริษัทแห่งนี้ “โมนิก้า” จึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 1.44 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 60 ล้านบาท ก็ยังแพงเกินไปสำหรับการเล่นต่อจากนี้นะคะ

Back to top button