เข้าเขตซื้อมากเกินไป

ตลาดหุ้นไทยเดินเข้าสู่เขตซื้อมากเกินไปแล้วจริง ๆ และน่าจะถึงเวลาปรับฐานเพื่อเดินหน้าขึ้นไปสร้างฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิม


*อาการตื้อ ๆ ตัน ๆ ของดัชนีที่เกิดขึ้นคราวนี้ทำให้รู้ว่า ตลาดหุ้นไทยเดินเข้าสู่เขตซื้อมากเกินไปแล้วจริง ๆ และน่าจะถึงเวลาปรับฐานเพื่อเดินหน้าขึ้นไปสร้างฐานใหม่ที่สูงกว่าเดิม จึงต้องเตรียมตัวรับแรงกระแทกระลอกใหม่ที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่เนิ่น ๆ และควรปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนเป็นการเล่นเก็งกำไรเต็มตัว ผนวกกับตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญกับแรงกดดันจากงบไตรมาส 3 ตลอดเดือนนี้ จึงต้องเซฟตัวเองให้ดี ๆ นะคะ

*นอกจากนี้เดี๊ยนยังย้ำหัวหมุดกับแฟนคลับทุกคนว่า ตลาดหุ้นไทยจะขึ้นแบบขั้นบันได และจะมีการย่ำฐานอีกระยะหนึ่ง ประจวบกับตลาดหุ้นไทยเข้าเขตซื้อมากเกินไปพอดี “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 1,640.97 จุด ลบไป 2.67 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.49 หมื่นล้านบาท ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลเหมือนเมื่อก่อน เพราะแรงซื้อเที่ยวนี้เริ่มหมุนไปหา SET50 มากขึ้น จึงเป็นจังหวะของการเก็งเรื่องเปิดเมือง ค่าการกลั่น ห้างคึกคัก และเซ็นสัญญานิคมเพิ่มไงล่ะคะ

*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” มีความสนใจหุ้นที่โดนเทหนักมากเป็นพิเศษ เพราะบางตัวโดนเทจากขึ้นมากเกิน บางตัวโดนเทจากข่าวลือ และบางตัวโดนเทจากเจ้ามือเลิก ซึ่งเป็นเรื่องที่แฟนคลับควรรู้ต้นสายปลายเหตุก่อนจะช้อนหุ้น เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไวจนตั้งตัวแทบไม่ทัน เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นมอง “เกมสั้น เกมยาว” เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เห็นจังหวะของการเล่นเที่ยวนี้เหมาะสำหรับตัวเองขนาดไหนพะยะค่ะ

*โดยเฉพาะการย่อตัวลงมาของหุ้นน้องใหม่ไฟแรงอย่าง SVT ถือเป็นจุดที่บอกให้รู้ว่า การขึ้นมายืนแถว 7 บาทมันเร็วเกินไปจริง ๆ เพราะตัวเลขกำไรมันวิ่งไม่ทัน และจุดที่ย่อมรับได้คงอยู่แถว ๆ 6 บาท ซึ่งเป็นการคิดภายใต้สมมติฐานกำไรต่อหุ้นปีนี้จบอยู่แถว 0.16 บาท และนำมาเทียบกับ PE 40 เท่า “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินกันเอาเองว่า การยืนปิดที่ 6.05 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 7.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 452 ล้านบาทโอเคจริงไหมจ๊ะ

*ส่วนรายที่ไม่โอเคเลยจริง ๆ “โมนิก้า” คงชี้เป้าไปที่หุ้น NCAP แบบไม่ลังเลใจ เพราะการทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ9.35 บาท ลบไป 0.75 บาท หรือลงไป 7.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 269 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 8 เดือน เหมือนเป็นการยืนยันว่า เลิกวง! และหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวคงเกิดจากกำไรไม่มาตามนัด บรรดานกรู้ถึงเปิดตูดโกยแน่บกันเป็นแถวไงล่ะคะ

*สำหรับหุ้นที่มีประเด็นให้แมงลือเม้าท์แตกไม่หยุดหย่อนอย่าง STARK ก็เป็นอีกหนึ่งสตอรี่น่าสนใจสำหรับขาเผือก เพราะข่าวที่พรายกระซิบได้ยินมาล่าสุด เสี่ย.น ไม่ได้เป็นคนทุบหุ้นวันที่ร่วงหนัก แต่เป็นคนรับหุ้นเข้าพอร์ตไปเบาะ ๆ 50 ล้านหุ้น และในวันถัดมาก็ยังซื้อเพิ่มเข้ามาในพอร์ตอีก 40 ล้านหุ้น เมื่อรวมเบ็ดเสร็จก็ถือหุ้นกว่า 200 ล้านหุ้น “โมนิก้า” จึงอยากให้ชาวเผือกประเมินกันเองว่า วานนี้หุ้นทรุดตัวลงมาปิดที่ 4.52 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 4.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 909 ล้านบาท เกิดจากแก๊งไหน?..อิอิอิ

*ในเมื่อมาแนวโหด ๆ ทั้งที “โมนิก้า” ก็อยากเผือกเรื่องของ UBIS ขึ้นมาทันที เพราะเป็นการเล่นที่แมงเม่าเรียกกันว่า โหดตัวพ่อ! แถมทุกไม้ที่ปาใส่ก็มาแบบจัดหนัก จนไม่มีวี่แววจะฟื้นได้ในเร็ววัน เดี๊ยนจึงอยากให้แฟนคลับประเมินกันเอาเองว่า ศุกร์ที่แล้วหุ้นยังยืนแถว ๆ 19.30 บาทอยู่เลย แต่พฤหัสฯ นี้กลับยืนปิดที่ระดับ 8.40 บาท ลบไป 1.15 บาท หรือลงไป 12% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.70 พันล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จ 3 วันทำการหุ้นวูบลงไปราว ๆ 11 บาท หรือ 56% แบบนี้..เจ๊งสิ!

*อีกรายที่ทำท่าจะจบเกมเร็วกกว่ากำหนด “โมนิก้า” คงมองไปที่พี่บิ๊ก BIG หลังโดนถล่มขายอย่างหนัก ทั้งที่เพิ่งขึ้นแรงได้วันเดียว มันเหมือนเป็นเกมตีหัวเข้าบ้าน ซึ่งเป็นงานถนัดของ เฮีย.ว อย่างไรอย่างนั้นเลย (เขาลือกันแบบนี้) เดี๊ยนเลยไม่สามารถคอมเมนต์อะไรได้อีกต่อไป เพราะไม่รู้อันไหน “ข่าวจริง” และอันไหน “ข่าวปลอม” แต่สิ่งที่แน่ ๆ คือ วานนี้หุ้นทรุดลงมาปิดที่ 0.77 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 9.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 251 ล้านบาทน่ะซี

*ส่วนเรื่องที่ “โมนิก้า” รู้แน่ ๆ และรู้ดีสุด ๆ คงเป็นราคาที่ดินยังอยู่ระดับสูง และตอนนี้เริ่มพูดถึงการประเมินราคารอบใหม่เสียด้วย เดี๊ยนจึงอยากให้แฟนคลับติดตามสถานการณ์ของ BKD ให้ดีเป็นพิเศษ เพราะรายนี้มีที่ดินอยู่ในมือ 28 ไร่ แถมเป็นที่ดินที่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าคูคตเสียด้วย โดยตอนนั้นได้มาวาละหกหมื่น ขณะที่สถานนีรถไฟฟ้าดอนเมืองมีการพูดไปถึงวาละล้าน และทั้งสองสถานีใช้เวลาเดินทางถึงกัน 5 นาที เดี๊ยนเลยอยากให้แฟนคลับประเมินเล่น ๆ ว่า แวลูในปีหน้าของหุ้นตัวนี้จะเพิ่มขึ้นขนาดไหน? และการยืนปิดที่ 2.34 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 6.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7 ล้านบาท น่าสนไหมเอ่ย?

Back to top button