เก็บหุ้นปันผล

หุ้นขึ้นหุ้นลงคราวนี้...“โมนิก้า”ไม่อธิบายอะไรให้เสียเวลา เพราะทุกคนเข้าใจเป็นอย่างดีว่า หลังจากพ้นช่วงเลวร้ายไปแล้ว..หุ้นจะกลับมาเหมือนเดิม


*ถ้ามิตรรักแฟนคลับ “ข่าวหุ้น” ยังจำคำพูดพร่ำสอนที่ใช้บ่อย ๆ ในช่วงที่ตลาดหุ้น “ดีดตัว” และ “ทรุดตัว” ก็จะเข้าใจความหมายของคำพูดที่ว่า หุ้นขึ้นหุ้นลงคราวนี้..มักเกิดจากสถานการณ์บางอย่างไม่นิ่งได้เป็นอย่างดี “โมนิก้า” จึงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติมให้เสียเวลา เพราะทุกคนเข้าใจเป็นอย่างดีว่า หลังจากผ่านพ้นช่วงเลวร้ายไปแล้ว..หุ้นจะดีดตัวขึ้นกลับมาเหมือนเดิม ไม่มีอะไรต้องวอรี่แม้แต่นิดเดียวนะจ๊ะ

*สิ่งที่น่าสนใจประเด็นต่อมาก็คือ ในเมื่อทุกคนรู้แล้วว่าหุ้นขึ้นลงด้วยเหตุผลบางประการ!!..นักลงทุนจะบริหารจัดการพอร์ตของตัวเองอย่างไร??..ผนวกกับดัชนีมักแสดงอาการขึ้นไปยืนเหนือ 1,650 จุดไม่ไหวเป็นประจำ เลยมีเรื่องให้นักลงทุนได้ขบคิดมากขึ้น “โมนิก้า” จึงขอเสนอแนวความคิดแบบอนุรักษนิยมเพื่อทำให้นักลงทุนอ่านเกมการลงทุนได้ง่ายขึ้น และจัดสรรเงินทุนได้ถูกที่ถูกเวลาแล้วกันเจ้าค่ะ

*สำหรับแนวความคิดแบบที่ว่าก็คือ “ลงซื้อ ขึ้นขาย” และให้ความสำคัญไปที่ “หุ้นปันผล” มากกว่าหุ้นกลุ่มอื่น ๆ เพราะข้อมูลเก่าในอดีตยืนยันเหมือนกันทุกครั้งว่า เมื่อหุ้นปันผลอ่อนตัวลงด้วยผลกระทบระยะสั้น ๆ หลังจากนั้นราคาหุ้นจะฟื้นตัวขึ้นไม่ต่ำกว่า 5% “โมนิก้า” ถึงแสดงความมั่นอกมั่นใจอย่างออกนอกหน้าว่า ถ้าหุ้นปันผลอ่อนตัวลงแบบไร้เหตุผล นั่นเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยได้เข้าซื้อของถูกรอบใหม่พะยะค่ะ

*โดยหุ้นยอดนิยมตัวแรกที่ขอพูดถึงได้แก่ TCAP “โมนิก้า” นั่งวิเคราะห์แล้ว นั่งวิเคราะห์อีก ก็เห็นควรยกตำแหน่งให้เป็นหุ้นทางเลือกอันดับหนึ่งของนักลงทุนรายย่อย เพราะเมื่อดูโมเดลธุรกิจที่จะเติบโตในอนาคตถือว่า “มีลูกเล่นแพรวพราว” สมควรทยอยสะสมเป็นอย่างมาก (ปันผลดีสุด ๆ) ล่าสุดเห็นราคาหุ้นยืนปิดที่ระดับ 36.75 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 316 ล้านบาท ท่ามกลางบุ๊กแวลูอยู่ที่ระดับ 60 บาทแบบนี้..ลุยไหมจ๊ะ

*ส่วนหุ้นถุงมือยางที่ฟื้นตัวรอบใหม่อย่าง STGT ถือเป็นช็อตเด็ดที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องหันกลับมามองอย่างรวดเร็ว เพราะการไต่ระดับขึ้นมาเรื่อย ๆ พร้อมกับคำแนะนำของโบรกเกอร์ที่บอกให้ “ซื้อ” มันคือการเปลี่ยนทิศทางที่นักเล่นต้องตามกระแสให้ทัน เมื่อรวมกับการจ่ายปันผลที่ค่อนข้างดี จึงเชื่อได้อย่างสนิทใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 29.25 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 277 ล้านบาท จึงมีความเสี่ยงต่ำเจ้าค่ะ

*คล้ายกับในรายของหุ้น PTTGC เพราะมีบางจังหวะที่ออกลูกอืด ๆ เงียบ ๆ ชอบกลนั้น “โมนิก้า” สงสัยว่า น่าจะเป็นเรื่องจังหวะเวลาไม่เอื้ออำนวย  เลยทำได้แค่ประคองตัวไม่ให้ร่วงลงหนัก และโชคดีที่มีแรงซื้อเข้ามารอรับหุ้นตลอดเวลา ทุกอย่างก็เลยยังดูดีเหมือนเดิม และรอโอกาสที่จะถีบตัวขึ้นแรงอีกครั้ง จึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 61.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 368 ล้านบาท โดยมีผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับ 3% เพื่อเป็นขวัญถุงทุกปีแบบนี้..น่าสนใจไหมจ๊ะ

*สำหรับคนที่ชอบแนวเก็งกำไร “โมนิก้า” ขอแนะนำให้มองไปที่หุ้น DTAC ซึ่งชอบอาศัยเรื่องเก่าในอดีตมาเป็นตัวเดินเรื่อง และพยายามทำให้ทุกคนได้เห็นการปันผลหนัก ๆ เกิดจากผลงานยังดีเหมือนเดิม ผสานกับการไต่ระดับขึ้นมาปิดที่ระดับ 37.25 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 4.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 946 ล้านบาท กลายเป็นสัญญาณที่บอกให้ขาลุยต้องตามไปดู จึงกลายเป็นหุ้นที่ติดชาร์ตฮอตฮิตชั่วคราวเจ้าค่ะ

*ปิดท้ายกันที่หุ้นปันผลตัวท็อป และติดโผปันผลดีทุกปีอย่าง AIT กันสักหน่อย โดยเหตุผลที่ทำให้ “โมนิก้า” เลือกเม้าท์ถึงหุ้นตัวนี้เกิดจากสถิติย้อนหลังในช่วง 4 ปีอยู่ที่ร้อยละ 6.60, 10.41, 5.41 และ 10.67 ซึ่งเป็นตัวเลขที่โดนใจเดี๊ยนอย่างแรง แต่เผอิญในช่วง 3 เดือนหุ้นขึ้นจากระดับ 20 บาท จนวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 44.75 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 144 ล้านบาท จึงต้องให้แฟน ๆ ประเมินความคุ้มค่ากันเองจ้า!

Back to top button