ดาวโจนส์รูด 6 วันติด

สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในยามที่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของตลาดหุ้นต่างประเทศ มักเจอแรงขายจำนวนมากออกมาถล่มอย่างหนักหน่วง


*สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในยามที่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของตลาดหุ้นต่างประเทศ มักเจอแรงขายจำนวนมากออกมาถล่มอย่างหนักหน่วง จนดัชนีเซถลาหลุดแนวรับสำคัญครั้งแล้วครั้งเล่า และมองไม่เห็นโอกาสที่จะตีกลับขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง มันกลายเป็นประเด็นที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับทำใจตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่า สถานการณ์ดังกล่าวเป็นตัวบีบรัดให้นักเล่นกลุ่มกองทุนเร่งระบายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงไงล่ะคะ

*ประกอบกับดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงต่อเนื่อง 6 วันติด ยิ่งสร้างความกังวลใจให้กับกองทุนไทยมากขึ้นเป็นกอง เพราะมันเป็นความกังวลที่มาจากเรื่องลด QE ซึ่งเป็นผลกระทบที่ตลาดหุ้นทั่วโลกโดนกันอย่างถ้วนหน้า ผนวกกับเจอแรงกดดันเรื่องบอนด์ยีลด์ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นกว่าปกติเล่นงานอีกหนึ่งดอก ซึ่งเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ลงทุนเลยดูย่ำแย่ลงอีก หรือแม้กระทั่งเศรษฐกิจโลกที่ตกอยู่ในภาวะฟื้นตัวช้า ก็ทำให้การลงทุนทุกด้านติดขัดไปหมดนะนายจ๋า!

*ฉะนั้นการที่ดัชนีลงมายืนปิดที่ระดับ 1,640.54 บาท ลบไป 12.19 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.69 หมื่นล้านบาท จึงเป็นผลกระทบที่ไม่อาจเลี่ยง เพราะจะมีการดึงเงินกลับไปที่อเมริกาอีกครั้ง “โมนิก้า” จึงต้องถามนักเล่นอีกครั้งว่า หุ้นลงมาเยอะขนาดนี้แล้ว..กล้าซื้อไหม ? โดยเฉพาะกลุ่มนักเล่นที่ถนัดซื้อหุ้นระยะกลางถึงยาว จังหวะนี้คือโอกาสทองสำหรับการทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ตสัก 30% ไหมเอ่ย ?..ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ

*โดยเฉพาะในรายของหุ้นแบงก์ TTB โดนถล่มขาย 5 วันติด จนวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 1.35 บาท ลบไป 0.04 บาท ลบไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.53 พันล้านบาท จากก่อนหน้านี้ย่ำฐานที่บริเวณ 1.47 บาทร่วมสัปดาห์ มันเป็นเกมที่ย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า สถาบันไม่เล่นจริง ๆ และมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะไหลลงลึกกว่าที่เป็นอยู่ จึงต้องทำใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นะจะบอกให้

*เช่นเดียวกับหุ้นเดินเรือก็โดนกดดันจากค่าระวางเรือที่อยู่ในทิศทางดิ่งลงหนัก จนหุ้นยอดนิยมแห่งยุคอย่าง PSL ไหลลงมาปิดที่ระดับ 13.80 บาท ลบไป 1.40 บาท หรือลงไป 9.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 380 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 9 เดือน มันคือภาพที่นักเล่นต้องเข้าใจสถานการณ์แต่โดยดี และทำให้นึกถึงแนวทาง Cut Loss ขึ้นมาในหัวทันทีแบบนี้..มันช้าไปไหมต๋อย!

*อีกรายที่โดนจัดจุก ๆ จนยืนทรงตัวแทบไม่ไหว “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่หุ้นกัญชงแถวหน้าของประเทศอย่าง RBF แบบไม่ลังเลใจ เพราะการทรุดตัวลงมาปิดที่ 18.10 บาท ลบไป 1.30 บาท หรือลงไป 6.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 410 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปิดโลว์ของวัน และยังเป็นการทำราคาต่ำสุดในรอบ 5 เดือนครึ่ง เขาเรียกอาการแบบนี้ จบรอบ! และต้องควานหาฐานใหม่เป็นลำดับแรกนะจ๊ะ

*ขนาดหุ้นที่ทำผลงานโดดเด่น และมีมือที่มองไม่เห็นคอยดูแลอย่าง TKS ยังตกอยู่ในอาการม่อยกระรอกกับเขาด้วยแบบนี้ “โมนิก้า” ฟันธงได้ทันทีว่า จบแล้วค่ะนาย! และที่ทำได้ก็คงต้องรอดูว่า หุ้นจะหยุดตรงไหน ? เพราะการยืนปิดที่ระดับ 14.20 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 6.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 160 ล้านบาท แถมเป็นการปิดโลว์ของวันอีกต่างหากอย่างนี้..สายเทคนิคก็คงฟันธงเหมือนกันว่า ขึ้นไม่ไหวเหมือนกันเจ้าค่ะ

*ส่วนพวกหมูไม่กลัวน้ำร้อน (หมูตาย) “โมนิก้า” คงเบนเข็มไปที่หุ้น SAMTEL แบบไม่ลังเลใจ เพราะการบวกสวนภาวะตลาดหุ้นที่แดงแป๊ด พร้อมกับปรากฏแท่งเทียนสีเขียวโด่เด่เพียงแท่งเดียว และเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในช่วง 2-3 ปีแบบนี้ เหมือนเป็นลางบอกเหตุให้รู้ว่า การขึ้นมาปิดที่ระดับ 7.85 บาท บวกไป 1.70 บาท หรือขึ้นไป 27.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 169 ล้านบาท มันผิดธรรมชาติเกินไปหน่อยนะตัวเอง

*ในเมื่อเดินเกมด้วยความเสี่ยงขึ้นมาทั้งที ก็ควรจะเดินให้สุดซอยกันไปเลย “โมนิก้า” จึงอยากให้ขาลุยหันไปดูหุ้น WIN ที่ขึ้นมายืนปิดบริเวณ 1.89 บาท บวกไป 0.23 บาท หรือขึ้นไป 13.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 185 ล้านบาท พร้อมกับทำไฮในรอบ 15 ปี ซึ่งเป็นการเทรดบนสตอรี่เทิร์นอะราวด์แบบเต็มตัว และคาดหวังจะเติบโตได้อีกในปีนี้ มันเป็นเกมที่นักเล่นต้องเลือกเอาเองว่า “ลุย” หรือ “เลิก” นะจ๊ะ

Back to top button