วิบากกรรม B100

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถือเป็นยุคทองของไบโอดีเซล 100% หรือ B100 เลยก็ว่าได้ เพราะจากนโยบายสนับสนุนพืชพลังงานของภาครัฐ หนุนให้มีการนำไบโอดีเซล B100 มาผสมในน้ำมันดีเซลมากขึ้น มีตั้งแต่ B7 B10 ไปจนถึง B20 ก็เลยทำให้ราคาไบโอดีเซล B100 ยืนสูงมาโดยตลอด...


ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถือเป็นยุคทองของไบโอดีเซล 100% หรือ B100 เลยก็ว่าได้ เพราะจากนโยบายสนับสนุนพืชพลังงานของภาครัฐ หนุนให้มีการนำไบโอดีเซล B100 มาผสมในน้ำมันดีเซลมากขึ้น มีตั้งแต่ B7 B10 ไปจนถึง B20 ก็เลยทำให้ราคาไบโอดีเซล B100 ยืนสูงมาโดยตลอด…

แต่ดูเหมือนการมาของโควิด จะทำให้สถานการณ์ของ B100 เปลี๊ยนไป๋…จากยุคทองกำลังกลายเป็นยุคท้อไปซะแล้ว เนื่องจากช่วงที่มีการล็อกดาวน์ เพื่อยับยั้งการออกอาละวาดของโควิดนั้น ทำให้รถที่ใช้น้ำมันดีเซลหายไป ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้ทั้ง B7 B10 และ B20 ลดลงฮวบฮาบจนน่าใจหาย…

ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับขึ้นเร็วและแรง จนปัจจุบันใกล้แตะที่ระดับ 90 เหรียญต่อบาร์เรลรอมร่อ แถมแนวโน้มยังมีโอกาสไปต่อได้อีก กลายเป็นแรงกดดัน B100 ไปอีก

เรียกว่า โควิดก็ฉุดปริมาณการขายให้น้อยลงอยู่แล้ว ยังมาเจอราคาน้ำมันกดดันอีกดอก ยิ่งไปกันใหญ่…

ขณะที่นโยบายของภาครัฐ พยายามตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร แต่ B100 ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของน้ำมันดีเซล ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง (เมื่อช่วงปลายปี 2564 ราคา B100 อยู่ที่ระดับ 40 บาทต่อลิตรปลาย ๆ แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 57 บาทต่อลิตร) ทำให้เมื่อช่วงปลายปี 2564 ภาครัฐต้องงัดมาตรการระลอกแรกออกมาใช้ ด้วยการปรับสูตรน้ำมันดีเซลเหลือแค่ B7 สูตรเดียว เพื่อลดการเติม B100 ลง

แต่ก็เอาไม่อยู่ เลยเป็นที่มาของระลอก 2 ปรับจาก B7 หรือมีส่วนผสมของ B100 ในเนื้อน้ำมัน 7% มาเป็น B5 หรือเหลือส่วนผสมของ B100 ในเนื้อน้ำมันแค่ 5% เท่านั้น ก็จะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลถูกลง…ถ้าคิด B100 ณ ราคา 57 บาท หากปรับสูตรการเติมจาก B7 มาเป็น B5 จะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลถูกลง 1.14 บาทต่อลิตร

(ก็มีอย่างที่ไหน เอาของแพง (B100) มาเติมของถูก ตลกร้ายดีแท้…จึงไม่น่าแปลกใจที่เห็นสถานะกองทุนน้ำมัน ณ วันที่ 23 ม.ค. 2565 ติดลบไปตั้ง 12,335 ล้านบาท)

แต่ในฝั่งของผู้ผลิตไบโอดีเซล B100 ที่ป้อนให้กับปั๊มต่าง ๆ ปริมาณการเติมก็จะหายวับไปทันที 2% เหมือนกัน…

ทำให้จากที่เคยเป็นยุคทองก็กลายเป็นยุคท้อ และต่อไปจะเป็นวิบากกรรมหรือเปล่า..? อันนี้น่าคิด

ด้วยยอดขายที่ลดลง และราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่กระทรวงพลังงานก็ยังเหนียมอาย ไม่กล้าไปแตะเรื่องภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ซึ่งเป็นกล่องดวงใจของกระทรวงการคลัง ไม่แคล้วเป็นวิบากกรรมแหง ๆ…แม้ราคาดี แต่ขายลำบากขึ้น เพราะถูกลดทอนด้วยยอดขายที่ลดลง..!?

เผลอ ๆ จะไม่จบแค่ B5 ด้วยซ้ำ แต่อาจได้เห็น B3 ตามมาก็เป็นไปได้นะ…

งานนี้คนที่ได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ คงหนีไม่พ้นบริษัท เอไอ เอนเนอร์จี จำกัด (มหาชน) หรือ AIE ซึ่งทำไบโอดีเซล B100 เกือบ 100% ส่งผลให้ราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาทรง ๆ ทรุด ๆ ซะเป็นส่วนใหญ่

ส่วนบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ก็มีขาหนึ่งที่ทำไบโอดีเซล ซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิม แต่ผลกระทบอาจไม่มาก เพราะมีสัดส่วนน้อย ถ้าเทียบกับธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนหรือธุรกิจอีวี…

ฟากบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ซึ่งมีทั้งปั๊มน้ำมัน และปาล์มคอมเพล็กซ์ ผลิตไบโอดีเซล B100 ป้อนให้กับปั๊มของตัวเองนั่นแหละ เจ้านี้จะหนักหน่อย เพราะเจอ 2 เด้งด้วยกัน เด้งแรก ปริมาณยอดขาย B100 ที่หดหายไป และเด้งที่ 2 ค่าการตลาดที่เดิมก็บางเฉียบอยู่แล้วแค่ 24 สตางค์…งานนี้ PTG สภาพดูไม่จืดแน่ ๆ…

ปัจจัยดังกล่าวเป็นบ่วงรัดให้ราคาหุ้น AIE และ PTG ไปไหนได้ไม่ไกล…ส่วนที่เห็นราคา EA ยังวิ่งแรลลี่สวนทางคนอื่น จนราคาใกล้แตะ 100 บาท นั่นเป็นเพราะได้แรงเก็งกำไรเรื่องรถยนต์อีวีต่างหากล่ะ…

เอาเป็นว่า B100 จะพ้นวิบากกรรมได้เมื่อไหร่..? ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐนั่นแหล่ะ

แต่ถ้าดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ คงต้องบอกว่า “เจ็บนี้อีกนาน เจ็บนี้ไม่ลืม เจ็บอะไรก็ไม่เท่าเจ็บใจ”…

…อิ อิ อิ…

Back to top button