ESSO ค่าการกลั่นฟื้น

ESSO มีแผนเพิ่มจำนวนสถานีบริการน้ำมันเป็น 800 แห่ง ภายในสิ้นปี 2565 จาก 739 แห่ง ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา


คุณค่าบริษัท

จากอุปทานการกลั่นของโลกที่ยังคงตึงตัวอยู่ในปีนี้จนถึงปี 2567 จากผลของซัพพลายที่น้อยลงจากการปิดตัวอย่างถาวรของโรงกลั่นน้ำมันทั่วโลกที่มีกำลังผลิตรวมกว่า 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมถึงกำลังการกลั่นที่ลดลงในยุโรปจากน้ำมันที่จ่ายมาจากรัสเซียลดลงอย่างกะทันหัน และซัพพลายที่จำกัดจากโอเปกพลัส ในขณะที่ความต้องการทั่วโลกยังคงสูง กลายเป็นปัจจัยที่จะหนุนให้กลุ่มโรงกลั่นฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง หนึ่งในนั้นคือ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ที่ถูกมองว่าจะเติบโตเด่นสุดในกลุ่ม

โดยปัจจัยหลักที่จะช่วยหนุนกำไรปีนี้ หลัก ๆ มาจาก 1) ESSO จะไม่มีการประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน เหมือนโรงกลั่นอื่น ๆ ทำให้บริษัทสามารถรับประโยชน์จากค่าการกลั่นที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นได้อย่างเต็มที่

2) ESSO มีแผนขยายกำลังการผลิตให้มากกว่า 80% ในไตรมาสที่ 2/2565 เนื่องจากการปิดโรงงานอะโรเมติกส์เมื่อเดือน มิ.ย. 2564 ทำให้ ESSO ได้ผลผลิตน้ำมันเบนซินมากขึ้น

และ 3) จะเพิ่มปริมาณการขาย ทั้งในส่วนธุรกิจปั๊มน้ำมัน การค้า และการส่งออก เนื่องจากค่าการกลั่นกำลังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้อัตราการผลิตของโรงกลั่นของ ESSO อยู่ที่ 80-85% โดยคาดการณ์ค่าการกลั่นของ ESSO จะอยู่ที่ 15-17 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาสที่ 2/2565 เพิ่มจาก 9 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา โดยมีตัวขับเคลื่อนหลักจากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้นของน้ำมันเบนซิน (28%), ดีเซล (46%) และเครื่องบิน (3%)

เนื่องจาก ESSO สามารถเพิ่มผลผลิตน้ำมันเบนซินได้อีก 30% ขณะที่ดีเซลเพิ่มขึ้น 48-50% และเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินเพิ่มขึ้น 5% ประกอบกับอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน เป็น 82-85% อยู่ที่ 1.45-1.5 แสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจาก 70% (1.37 แสนบาร์เรลต่อวัน) ในไตรมาสที่ 1/2565

ขณะเดียวกัน ESSO มีแผนเพิ่มจำนวนสถานีบริการน้ำมันเป็น 800 แห่ง ภายในสิ้นปี 2565 จาก 739 แห่ง ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา รวมถึงการเพิ่มร้านกาแฟอีก 450-500 แห่งในปี 2565 จาก 397 แห่งในไตรมาส 1/2565 และเพิ่มปริมาณการขายและอัตราการกลั่นผ่านปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นในสถานีบริการน้ำมัน รวมทั้งจะได้รับประโยชน์จากค่าการตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้น

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น ESSO ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 5.13 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 19.22 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายต่ำกว่าตลาดมาก เช่นเดียวกับ P/BV ที่ระดับ 1.54 เท่า (ราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี) ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.72 เท่า

รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่

  1. EXXONMOBIL ASIA HOLDINGS PTE. LTD. 2,283,750,000 หุ้น 65.99%
  2. กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) 165,480,100 หุ้น 4.78%
  3. กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) 165,480,100 หุ้น 4.78%
  4. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 86,802,519 หุ้น 2.51%
  5. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 53,150,977 หุ้น 1.54%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายอดิศักดิ์ แจ้งกมลกุลชัย ประธานกรรมการ, กรรมการผู้จัดการ
  2. นางราตรีมณี ภาษีผล กรรมการ
  3. นายสุชาติ โพธิ์วัฒนะเสถียร กรรมการ
  4. นายมาโนช มั่นจิตจันทรา กรรมการ
  5. นายทวีศักดิ์ บรรลือสินธุ์ กรรมการ
  6. นายวิชาญ นิกรมาลากุล กรรมการ
  7. น.ส.จิราพรรณ เปาวรัตน์ กรรมการ
  8. นายวัฒนา จันทรศร กรรมการอิสระ, ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ
  9. น.ส.ประจิต หาวัตร กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ
  10. นายบุญทักษ์ หวังเจริญ กรรมการอิสระ
  11. นายบูรณวงศ์ เสาวพฤกษ์ กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ
  12. นายพรชัย ฐีระเวช กรรมการอิสระ

Back to top button