ถล่มบลูชิพ

สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องเกริ่นนำเมื่อวันก่อนว่า “ฝรั่งเหลือของ 1.20 แสนล้านบาท” ล้วนมาจากแรงขายในช่วงครึ่งเดือน มิ.ย. ของฝรั่ง


*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องเกริ่นนำเมื่อวันก่อนว่า “ฝรั่งเหลือของ 1.20 แสนล้านบาท” ล้วนมาจากแรงขายในช่วงครึ่งเดือน มิ.ย. ของฝรั่งออกมามากถึง 2.16 หมื่นล้าน ซึ่งเป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นว่า ฝรั่งยังขายหุ้นได้อีกเยอะ ผนวกกับแรงจูงใจที่จะทำให้ฝรั่งลงทุนในตลาดหุ้นไทยลดน้อยลงเรื่อย ๆ จึงมองไม่เห็นหนทางที่ดัชนีจะตีกลับอย่างแข็งแกร่งในเร็ววันไงล่ะคะ

*เมื่อสถานการณ์หลายอย่างส่อไปในทางที่แย่ลง “โมนิก้า” จึงไม่แปลกใจที่หุ้นบลูชิพตกอยู่ในสภาวะโดนถล่มหนัก จนราคาหุ้นรูดทะลุแนวรับลงไปอย่างง่ายดาย และมีความเป็นไปได้ที่ราคาหุ้นจะทำโลว์ใหม่ให้เห็นเรื่อย ๆ เพราะโมเมนตัมของตลาดหุ้นทั่วโลกไม่ดีเอาเสียเลย จึงคาดหวังได้แค่เพียงการรีบาวด์ช่วงสั้น ๆ ซึ่งเป็นการประคองสถานการณ์ไม่ให้เลวร้ายลงไปกว่าเดิมเท่านั้นเองจ้า

*ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,559.21 จุด ลบไป 0.18 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.69 หมื่นล้านบาท จึงเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นกันต่อไปว่า แนวรับสำคัญบริเวณ 1,550 จุดจะสามารถต้านทานแรงขายได้นานแค่ไหน? เพราะตามรูปการณ์มีแต่ปัญหาเยอะแยะไปหมด “โมนิก้า” ถึงไม่อยากฝันหวานในเรื่องที่รู้อยู่เต็มอกโต ๆ ว่า อิมพอสซิเบิ้ล! จึงได้แต่ภาวนาอย่าให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอีกเลย (ตอนนี้กลัวสงคราม “จีน” กับ “ไต้หวัน” มากสุด) เจ้าค่ะ

*ขนาดหุ้นแบงก์ตราใบโพธิ์ SCB เทรดบนค่า PE 8.50 เท่า ก็ยังมีแรงขายพรั่งพรูออกมาตลอดเวลา จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ 103 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 2.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.65 พันล้านบาทอย่างง่ายดาย แถมเป็นการลงมาทำจุดต่ำสุดในรอบ 9 เดือน น่าจะเป็นภาพสะท้อนความกังวลที่มีต่อหุ้นขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี และหนทางที่จะทำให้ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีคือ ต้องตอบให้ได้ว่า จะเอาอย่างไรกับ “บิทคับ” พะยะค่ะ

*ส่วนหุ้นขนาดใหญ่อีกตัวที่โดนถล่มหนักแบบไม่มีเยื่อใย “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น DOHOME แบบไม่ลังเลใจ เพราะราคาหุ้นอยู่ในทิศทางขาลงเป็นเวลาร่วม 2 เดือน จนวานนี้หุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 16.60 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 142 ล้านบาท พร้อมกับทำนิวโลว์ในรอบ 1 ปี 3 เดือน น่าจะเป็นผลเกี่ยวเนื่องกับกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ซึ่งกระทบกับกำไรในงวดถัดไปแบบเต็ม ๆ ไงล่ะคะ

*ประเด็นข้างต้นทำให้เหลียวมองไปยังหุ้นบัตรเครดิตอย่าง KTC แบบรวดเร็วอีกเช่นกัน เพราะโมเมนตัมของหุ้นอยู่ในทิศทางขาลงเหมือนกัน แต่โชคดีตรงที่ยังประคองตัวเหนือโลว์เก่าที่บริเวณ 56 บาท จึงกลายเป็นช็อตที่น่าลุ้นสำหรับพวกเดย์เทรดในทันที “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 57.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 107 ล้านบาท น่าเล่นไหมเจ้าค่ะ

*ในเมื่อเม้าท์ถึงหุ้นที่มีลุ้นกันทั้งที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นเครื่องดื่มชูกำลังอย่าง OSP เพื่อเสนอเป็นทางเลือกให้กับคนที่ชอบเล่นเสียวเป็นประจำ เพราะการเด้งเบา ๆ ก่อนจะปิดเสมอตัวไปที่ระดับ 33.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 225 ล้านบาท ทำให้เชื่อว่า หุ้นจะเด้งกลับไปหายอดแรกที่บริเวณ 35 บาท ต่อจากนั้นอาจได้เห็นราคาแถว 38 บาท หากภาวะตลาดหุ้นเอื้อให้เล่นต่อนะจ๊ะ

*คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้นกระดาษลัง SCGP ก็อยู่ในข่าย “น่ารัก น่าลุ้น” สำหรับคนที่นิยมเล่นสั้น เพราะการเด้งขึ้นทันทีเมื่อลงไปแตะโลว์เก่าที่บริเวณ 50 บาท ก็ทำให้เชื่อว่า หุ้นจะเด้งกลับขึ้นไปหายอดเก่าที่บริเวณ 58 บาท (ในเชิงทฤษฎีที่ว่าด้วยเรื่อง “ลงแรง เด้งแรง” เป็นหลัก) “โมนิก้า” ถึงต้องถามนักเล่นสายลุยว่า การยืนปิดที่ระดับ 52.25 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 685 ล้านบาท น่าจัดสักดอกไหมเอ่ย?..อิอิอิ

*ส่วนรายที่โดนทุบหนักจนไปไม่เป็น ทั้งที่พื้นฐานยังคงเหมือนเดิม “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นจอมพลังอย่าง SUPER ซึ่งอยู่ในอาการร่วงโรยแบบไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ จนราคาหุ้นทำ “โลว์แล้ว โลว์อีก” แบบนี้ มันเป็นจังหวะที่เอื้อให้คนที่มีเงินเย็นช้อนซื้อเก็บไว้ในพอร์ต เพราะมองในมุมของ PE 10 เท่า ผนวกกับ BV 0.73 บาท มันทำให้ราคาปิดที่ระดับ 0.75 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือลงไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 168 ล้านบาท ดาวน์ไซด์ต่ำมาก ๆ นะจะบอกให้

Back to top button