ฝืนไปมีแต่เจ็บ

*กลายเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์มาก ๆ เมื่อเห็นแรงซื้อเข้ามาพยุงดัชนีตลอดทั้งวัน จนสุดท้ายยืนปิดไปที่ระดับ 1,541.79 จุด บวกไป 0.49 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.21 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่ทำให้รู้ว่า นักเล่นสถาบันยังชอบเล่นเกมชักเย่อ จึงต้องมี “ลูกล่อ ลูกชน” เพื่อทำให้รายย่อยตายใจ ก่อนจะตลบหลังขายหุ้นแบบจัดเต็ม และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ดัชนีรูดทะลุแนวรับสำคัญลงมาเรื่อย ๆ ไงล่ะคะ


*กลายเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์มาก ๆ เมื่อเห็นแรงซื้อเข้ามาพยุงดัชนีตลอดทั้งวัน จนสุดท้ายยืนปิดไปที่ระดับ 1,541.79 จุด บวกไป 0.49 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.21 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่ทำให้รู้ว่า นักเล่นสถาบันยังชอบเล่นเกมชักเย่อ จึงต้องมี “ลูกล่อ ลูกชน” เพื่อทำให้รายย่อยตายใจ ก่อนจะตลบหลังขายหุ้นแบบจัดเต็ม และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ดัชนีรูดทะลุแนวรับสำคัญลงมาเรื่อย ๆ ไงล่ะคะ

*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องออกมาเตือนนักเล่นว่า ไม่ควรเข้าไปสวนหุ้นในภาวะที่ทุกอย่างยังฝุ่นตลบ เพราะเหมือนเป็นการยื้อจังหวะให้กองทุนขายใส่ไปเรื่อย ๆ เพราะผลสุดท้ายจะกลายเป็นว่า ตัวเราเป็นคนเจ็บหนักเสียเอง! เดี๊ยนถึงไม่เข้าใจเหตุผลที่ตลาดหุ้นไทยบวกสวนต่างประเทศ หลังเห็นกันทนโท่ว่า ค่าเงินบาทอ่อนมากสุดในรอบ 7 ปี ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวลสำหรับคนที่มีหุ้นในพอร์ตนะคะ

*ข้อมูลตรงนี้เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้นักเล่นต้องพึงสังวรมากเป็นพิเศษ เพราะข้อมูลที่รับรู้จากคนในแวดวงตลาดหุ้น มีแต่เรื่องที่ทำให้หงุดหงิดใจกันทั้งนั้น “โมนิก้า” ถึงไม่เชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยจะกลับทิศอย่างถาวร เพราะสิ่งที่สัมผัสเมื่อสัปดาห์ก่อนก็เป็นลักษณะหลอกให้ตายใจ ต่อจากนั้นก็สาดหุ้นออกมาไม่ยั้งกันเลยทีเดียว ส่งผลให้สถานการณ์ต่อจากนี้ไม่ง่ายสำหรับการเล่นหุ้นพะยะค่ะ

*ขนาดหุ้นที่เฉิดฉายเป็นเวลานานอย่าง PTTEP ยังโดนถล่มขายไม่ยั้ง จนราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 155.50 บาท ลบไป 7.50 บาท หรือลงไป 4.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.76 พันล้านบาท ก็ได้รับผลกระทบโดยตรงจากราคาน้ำมันดิบที่เริ่มไหลลงต่ำกว่า 100 เหรียญ และสถานการณ์ตรงนี้ก็เป็นการเตือนให้รู้ว่า รอบของหุ้นขุดเจาะน้ำมันใกล้จะจบแล้วนะคะ

*ส่วนการรูดลงหนักของหุ้น JMART ก็เป็นเรื่องที่อธิบายยากในมุมของสตอรี่ที่ผุดข่าวดีออกมาไม่หยุดหย่อน แต่ถ้ามองในมุมของแมงลือที่เม้าท์กันให้แซ่ดว่า กองทุนสาดหุ้นออกมาต่อเนื่อง และไม่ยอมย้อนกลับเข้าไปเก็บหุ้นเมื่อลงหนัก ก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้เหมือนกัน เดี๊ยนถึงเข้าใจเหตุผลที่ราคาหุ้นยืนปิดที่ 45 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 3.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 960 ล้นบาทไงล่ะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของหุ้น EA ก็โดนกองทุนสาดหุ้นแบบไม่มีเยื่อใย จนราคาหุ้นหลุดแนวรับสำคัญลงมาเรื่อย ๆ  ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 77.25 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 2.22% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.43 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรถเมล์ไฟฟ้า และเรื่องนี้ต้องใช้เวลาพิสูจน์เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นมองราคา ณ ตอนนี้ต่ำสุดในรอบเกือบ 8 เดือน มันคือโอกาสซื้อหรือเปล่าตัวเอง?

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นบันเทิงเริงรำอย่าง WORK เป็นรายถัดมา เพราะการที่หุ้นไหลลงมาปิดที่ระดับ 19 บาท ลบไป 2.20 บาท หรือลงไป 10.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 97 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 11 เดือน มันคือการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ผลงานไตรมาส 2 คงทรุดหนัก และน่าจะมีผลต่อเนื่องไปยังไตรมาส 3 เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และต้นทุนทำธุรกิจที่พุ่งขึ้น ทำให้ทุกคนต้องเซฟคอสไงล่ะคะ

*ในเมื่อสถานการณ์หลายอย่างไม่โอเค และยังมีความกังวลเกี่ยวกับโควิดระลอกใหม่ “โมนิก้า” จึงไม่แปลกใจที่เห็นราคาหุ้น WICE เดินหน้าทำโลว์ใหม่ให้เห็นต่อเนื่อง เพราะเมื่อดูผลกระทบที่เกิดจากประเทศจีนล็อกดาวน์เป็นเมือง ๆ ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงกับการรับรู้รายได้อย่างมีนัยสำคัญ วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 11.50 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 6.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 168 ล้านบาทแบบไร้เรี่ยวแรงขัดขืนเจ้าค่ะ

*ส่วนนักเล่นที่ถนัดเรื่องเดย์เทรด และต้องเตรียมตัวเปิดตูดหนีแต่หัววัน “โมนิก้า” คงชี้เป้าไปที่หุ้น MORE เพื่อชี้ให้เห็นอาการโค้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 1.83 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 2.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 101 ล้านบาท มันช่างคล้ายกับสถานการณ์ 2 ครั้งก่อนเสียจริง ๆ ซึ่งตอนนั้นหุ้นพุ่งขึ้นไปถึงแถว ๆ 2 บาท ต่อจากนั้นก็ไหลลงต่อเนื่องจนมาตั้งลำ 1.50 บาท เดี๊ยนเลยเชื่อว่า เที่ยวนี้ก็คงเป็นเช่นนั้นอีกกระมัง!

Back to top button