หุ้นไทยขาลง

สิ่งที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกไม่สบายใจอย่างแรงต่อจากนี้คือ “เงินเฟ้อ” ซึ่งไม่มีทีท่าจะทุเลาลง จนทำให้กำลังซื้อมีอาการหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง


*สิ่งที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกไม่สบายใจอย่างแรงต่อจากนี้คือ “เงินเฟ้อ” ซึ่งไม่มีทีท่าจะทุเลาลง จนทำให้กำลังซื้อที่คาดจะฟื้นตัวอย่างช้า ๆ มีอาการหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง และหนทางเดียวที่จะสกัดปัญหาดังกล่าวได้อยู่หมัด ก็หนีไม่พ้นการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเหมือนที่ทุกประเทศกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งจะกลายเป็นแรงกดดันที่ถาโถมใส่ตลาดหุ้นอย่างหนักหน่วง จนทำให้ตลาดหุ้นทำโลว์ใหม่ตลอดเวลาไงล่ะคะ

*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” มีมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยไปในทางลบแบบเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยเชื่อว่า การเปิดประเทศจะทำให้เงินสะพัด และธุรกิจห้างร้านจะมีความคึกคักกว่าเดิม แต่เอาเข้าจริงกลายเป็นว่า กำลังซื้อมาช้ากว่าที่คิดไว้มาก ขณะที่ตลาดเงินทั่วโลกหันมาใช้แนวทางอัดยาแรง (ขึ้นดอกเบี้ยเยอะ) เพื่อช่วยยับยั้งปัญหาเงินเฟ้อ และชะลอการอ่อนตัวของค่าเงินพะยะค่ะ

*สถานการณ์ข้างต้นจึงนำไปสู่การเคลื่อนย้ายฐานทุนครั้งใหญ่ ซึ่งเห็นได้จากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง และเหตุผลง่าย ๆ ที่ทำให้เป็นเช่นนั้นก็คือ ดอกเบี้ยที่อเมริกาสูงกว่าที่อื่น (น้ำจะไหลจากที่สูงลงไปที่ต่ำ แต่เงินจะไหลจากที่ต่ำไปที่ให้ผลตอบแทนสูง) ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเป๋ไม่เป็นขบวน และตลาดหุ้นไทยก็คงโดนกระหน่ำขายอีกตามเคย เพราะต่างชาติมองว่า อยู่ไปก็ไลฟ์บอยน่ะซี

*ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,536.82 จุด ลบไป 9.98 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.16 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของการยื้อเวลาลง หรือพูดเป็นภาษาคนเล่นหุ้นก็คือ “เด้งแล้วลง” ซึ่งเป็นภาพของการลงทุนระยะสั้น ๆ แต่ถ้ามองยาว ๆ ก็ยังเป็นภาพของ “ไซด์เวย์ดาวน์” เดี๊ยนจึงอยากรู้ว่า เที่ยวนี้กองทุนจะช่วยดันหุ้นได้นานแค่ไหน? เพราะที่ผ่านมาก็เห็นดันไม่กี่วันแล้วเปิดตูดหนีทุกทีเจ้าค่ะ

*คล้ายกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้นประกันชีวิต BLA ไม่มีผิดเพี้ยน เพราะเป็นหุ้นที่มีแรงซื้อขายเข้ามาเป็นระลอก จนกรอบการเคลื่อนตัวขยับไปมาที่ระดับ 36-45 บาท “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นเดาเกมการเล่นเที่ยวนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน? หลังหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 39.50 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 247 ล้านบาท จึงกลายเป็นช็อตวัดใจกองทุนเต็ม ๆ นะจะบอกให้

*ส่วนรายที่น่าเป็นห่วงมากสุดกลายเป็น HMPRO เพราะแรงขายไม่มีทีท่าจะเบาลงแต่อย่างใด ผนวกกับสภาพเศรษฐกิจก็ไม่เป็นใจต่อธุรกิจ “โมนิก้า” ถึงมองการพยายามเทคตัวให้ทะลุแนวต้าน 13 บาทเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่สุดท้ายก็ผ่านไม่ได้ ก่อนจะมายืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 12.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 343 ล้านบาท จึงกลายเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นกันต่อนะนายจ๋า!

*อีกหนึ่งรายที่ต้องลุ้นให้พลิกกลับอย่างจริงจัง “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้นควงเจริญ KCE หลังราคาหุ้นกลับมาตั้งลำที่ฐานแนวรับ 55 บาทอีกครั้ง ซึ่งอาจตีความได้ว่า หุ้นกำลังพยายามเด้งกลับขึ้นไปหาแนวต้าน 65 บาท แต่สถานการณ์ช่วงนี้ไม่เป็นใจให้กองทุนใส่เต็มเหนี่ยว ราคาหุ้นถึงออกอาการเหมือนจะไปต่อไม่ไหว จึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 55 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 266 ล้านบาท น่าสนใจอ๊ะป่าว?

*สำหรับรายที่ไม่น่าสนใจเอาเสียเลย เพราะราคาอยู่ในทิศทางขาลงแบบเต็มตัว “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นเดินเรือ RCL แบบไม่ลังเลใจอะไรทั้งสิ้น เพราะถ้ามองในเรื่องเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวเป็นประเด็นหลัก ก็อนุมานได้ทันทีว่า ผลงานของหุ้นตัวนี้อยู่ในช่วงถดถอย และการขายเพื่อปิดความเสี่ยง จึงกลายเป็นทางออกที่สุดในเรื่องนี้ เดี๊ยนถึงไม่มีอะไรต้องติดใจเมื่อเห็นราคาหุ้นลงมาปิดที่ 34.25 บาท ลบไป 2.75 บาท หรือลงไป 7.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 360 ล้านบาทน่ะซี

*ตบท้ายกันทีเรื่องอุบาทว์ของคนที่ได้ฉายา สก.หื่น ของฝ่ายที่เรียกตัวเองเป็นคนรุ่นใหม่ ขณะที่ตัวของพรรคสีส้มก็ไม่ได้ออกแอ๊คชั่นอะไรเลย “โมนิก้า” ถึงรับไม่ได้กับพฤติกรรม “ว่าแต่เขาอีเหนาเป็นเอง” เพราะมันทำให้เห็นธาตุแท้ของนักการเมืองที่ปกป้องพรรคพวกตัวเองชัดขึ้นไปอีก ขนาดเห็นกันทนโท่ผิดเต็มประตู ก็ยังช่วยถูลู่ถูกังแบบสุดฤทธิ์แบบนี้..เขาถึงชอบเม้าท์กันว่า เหมือนกันทุกตัว!..จริงหรือไม่?..หัวหน้าแก๊งอย่างอาตี๋ช่วยตอบที! (เดี๊ยนพูดในฐานะผู้หญิงเหมือนกัน) นะคะ

Back to top button