KEX จะเทิร์นอะราวด์

ปัจจุบัน KEX มีเครือข่ายครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด หรือบริการครอบคลุม 99.99% โดย ณ เดือน มี.ค.65 มีจุดบริการรวม 31,000 แห่ง


คุณค่าบริษัท

ด้วยมูลค่าตลาดขนส่งพัสดุไทยที่กลายเป็นเค้กก้อนใหญ่ โดยคาดว่าในปี 2565 จะขยายตัวราว 17% มูลค่าแตะ 1.06 แสนล้านบาท รับอานิสงส์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของไทยที่อยู่ในช่วงการเติบโต ขณะเดียวกันก็ถือเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันสูงเช่นกัน ทำให้ผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ออกมาไม่ค่อยสู้ดีนัก อย่างบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนรายใหญ่ของไทย ที่เปิดงบไตรมาสแรกปีนี้ มีผลขาดทุน 491.09 ล้านบาท จากรายได้รวม 4,455.12 ล้านบาท

แต่ปัจจุบันดูเหมือนทิศทางเริ่มดีขึ้น ทั้งจากสถานการณ์โควิดที่กลับสู่ภาวะปกติ และบริษัทสามารถบริหารจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการแข่งขันด้านราคาลดลง และมีการขยายธุรกิจ หรือร่วมมือกับพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง

ทำให้ผู้บริหารมั่นใจว่า ภายในสิ้นปี 2565 ภาพรวมผลการดำเนินงานจะพลิกกลับมามีกำไร (เทิร์นอะราวด์)

โดยตั้งเป้าหมายในปี 2565 ปริมาณการขนส่ง (วอลุ่ม) จะขยายตัวได้ 30% และยังสามารถปรับราคาได้คล่องขึ้นในแต่ละกลุ่มเป้าหมายที่บริการ พร้อมตั้งเป้าหมายลดต้นทุนต่อหน่วยไม่ต่ำกว่า 20% ส่วนบริการแพลตฟอร์มขนส่งด่วนแบบควบคุมอุณหภูมิ หรือ KERRY COOL ยังเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนภาคใต้ ที่มีความต้องการใช้บริการค่อนข้างมาก และบริการส่งด่วน Kerry XL สำหรับสินค้าขนาดใหญ่ จะเห็นบริการที่ชัดเจนขึ้นช่วงปลายปี 2565 นี้

ปัจจุบัน KEX มีเครือข่ายครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด หรือบริการครอบคลุม 99.99% โดย ณ เดือน มี.ค. 2565 มีจุดบริการรวม 31,000 แห่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อน พร้อมทั้งมีศูนย์กระจายพัสดุ 1,400 แห่ง และมียานพาหนะรวม 20,000 คัน ด้วยอัตราการส่งของถึงปลายทาง 97% และมีอัตราการตีกลับเพียง 1.5%

ส่วนเป้าหมายระยะยาว 3-5 ปี ยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้า หรือรักษาความเป็น “ผู้นำจัดส่งพัสดุด่วน” ของประเทศไทยอย่างยั่งยืน จาก 1.การเติบโตของกำไร 2.มีอัตราการเติบโต (CAGR) 20-30% ต่อปี 3.มีรายได้จากธุรกิจใหม่เข้ามาเสริมไม่น้อยกว่า 20% ของพอร์ต และ 4.การเข้าควบรวม หรือซื้อกิจการ (M&A) และร่วมมือทางธุรกิจ (JV)

ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ท้ายที่สุดแล้ว KEX จะบรรลุเป้าหมายหรือไม่…

รายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่

  1. บริษัท เคแอลเอ็น โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด 907,200,000 หุ้น 52.06%
  2. บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) 314,200,000 หุ้น 18.03%
  3. บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) 72,500,000 หุ้น 4.16%
  4. MR.KIN HANG NG 20,982,400 หุ้น 1.20%
  5. ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 17,000,000 หุ้น 0.98%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายเกล็ดชัย เบญจอาธรศิริกุล ประธานกรรมการบริษัท
  2. นายคิน เฮ็ง เน็ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, กรรมการ
  3. นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการ
  4. นายชลัช ชินธรรมมิตร์ กรรมการ
  5. นายชุน ซัง ฉ่อย กรรมการ
  6. นายวราวุธ นาถประดิษฐ์ กรรมการ
  7. นายประสัณห์ เชื้อพานิช กรรมการอิสระ, ประธานกรรมการตรวจสอบ
  8. น.ส.ฮวี เหลง ไอลีน โหยว กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ
  9. นายกำธร ตติยกวี กรรมการอิสระ, กรรมการตรวจสอบ

Back to top button