ขายทิ้งเพื่อซื้อใหม่

วานนี้เป็นอีกครั้งที่หัวใจของ “โมนิก้า” เต้นสั่นระเรื่อด้วยความตื่นเต้นตั้งแต่เปิดเทรด หลังดัชนีทิ้งตัวลงลงแรงทันทีเมื่อระฆังยกเริ่มดังขึ้น


วานนี้เป็นอีกครั้งที่หัวใจของ “โมนิก้า” เต้นสั่นระเรื่อด้วยความตื่นเต้นตั้งแต่เปิดเทรด หลังดัชนีทิ้งตัวลงลงแรงทันทีเมื่อระฆังยกเริ่มดังขึ้น ซึ่งเป็นภาพที่เดี๊ยนปรารถนาจะได้เห็นมาตั้งนาน เพราะมันทำให้บรรยากาศลงทุนเป็นธรรมชาติมากขึ้นกว่าเดิม โดยหุ้นที่ทำผลงานได้โดดเด่น ก็ควรไปต่อแรง ๆ ส่วนหุ้นที่ทำผลงานได้แย่เหลือเกิน ก็ควรโดนทิ้งหนัก ๆ จึงกลายเป็นเกมที่เดี๊ยนต้องเกาะติดกระดานหุ้นตลอดทั้งวันนะนายจ๋า!

ถ้าว่ากันตามความจริงจะรู้ว่า เกมหุ้นในเที่ยวนี้ไม่แตกต่างจากก่อนนี้เลยสักอย่าง เพราะสเต็ปหลักในการเล่นยังอยู่ในลักษณะ “ขายทิ้งเพื่อซื้อใหม่” และสาเหตุของการขายทิ้งก็มาจากกำไรน่าผิดหวัง จึงต้องโยกเงินไปซื้อในหุ้นตัวอื่นเป็นการทดแทน และการจะกลับมาซื้อหุ้นตัวเดิมอีกครั้ง ก็ขึ้นอยู่กับกำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นขนาดไหน? “โมนิก้า” จึงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้มากความ เพราะเป็นเรื่องที่นักเล่นรับรู้มาพอสมควรนะคะ

ฉะนั้นการที่ดัชนีทรุดฮวบลงไปถึงระดับ 1,611.17 จุด ก่อนจะตีกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,619.23 จุด ลบไป 3.22 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.98 หมื่นล้านบาท ก็เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า แรงขายยังมีอยู่เยอะพอสมควร และพร้อมจะถล่มใหม่หากมีเรื่องราวที่ทำให้ไม่สบายใจ แต่อีกมุมหนึ่งก็ชี้ให้เห็นว่า จุดรับของที่กรอบล่างตรงบริเวณ 1,610 จุด ก็มีคนพร้อมจะซื้อสวนเยอะเหมือนกัน เพราะมองว่า ราคาหุ้นตอบรับกับข่าวร้ายเยอะแล้วนะซี

เรื่องนี้เทียบเคียงได้จากหุ้นโรงหมอ BCH ภายใต้การกุมบังเหียน “หมอเหลิม” ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนสุดในเรื่องนี้ เพราะปีนี้ราคาหุ้นไม่เอาอ่าวอะไรเลย แถมขึ้นมาทีไร ก็โดนสาดทุกที และทุกอย่างก็มาเฉลยตอนโชว์งบไตรมาส 3 ขาดทุนสี่ร้อยกว่าล้าน แต่ราคาหุ้นกลับเด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 19.80 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 5.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.45 พันล้านบาท มันหมายความว่า ไตรมาส 4 จะกลับมาทำกำไรอีกครั้งกระมัง!

สถานการณ์ข้างต้นช่างตรงข้ามกับหุ้น BJC อย่างสิ้นเชิง เพราะรายนี้โชว์กำไรไตรมาส 3 อย่างสวยงาม แต่หุ้นกลับโดนขายแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 32 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 7.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 787 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องปกติในยามที่ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงของ sell on fact และอนุมานได้ทันทีว่า น่าจะมีแรงซื้อกลับมาไล่เก็บหุ้นอีกรอบแถว ๆ 31 บาท เพราะปรากฏการณ์นี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว 3 ครั้งเจ้าค่ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น SINGER เพื่อย้ำหัวหมุดให้เห็นว่า ข่าวลือ ข่าวเม้าท์ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้..ล้วนเป็นเรื่องขี้หกทั้งเพ! เพราะสุดท้ายกำไรออกมาดีเหมือนเดิม วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 36.50 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 6.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 478 ล้านบาท แถมเมื่อดูจากกำไรต่อหุ้นงวด 9 เดือนทำได้เกือบ 1 บาท เดี๊ยนถึงมองว่า ราคานี้ลุยได้อย่างสบายใจจ้า!

ส่วนรายที่ทำให้เดี๊ยนแปลกใจเหลือเกิน คงมองไปที่หุ้นขายไก่ตัวจิ๋วอย่าง TFG เพราะถูกเจ้ามือรินขายออกมาเรื่อย ๆ และกินเวลาร่วมสองเดือน ทั้งที่เห็นแนวโน้มกันทนโท่ว่า กำไรดี! “โมนิก้า” จึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 5 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 224 ล้านบาท โดยที่หุ้นเทรดบน PE 17 เท่า เหมาะต่อการเข้าไปไล่เก็บแล้วหรือยัง?..ได้ผลสรุปอย่างไร บอกเดี๊ยนด้วยนะคะ

สำหรับรายที่ทำผลงานได้อลังการงานสร้าง “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นเถ้าแก่น้อย TKN แบบไม่ลังเลใจ เพราะกำไรที่พุ่งพรวดขึ้นมาแตะระดับ 178 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่แค่ 19 ล้านบาท มันทำให้แวลูเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล วานนี้ถึงเห็นหุ้นเปิดกระโดดมาปิดที่ระดับ 9.35 บาท บวกไป 2.15 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 700 ล้านบาท พร้อมกับทิ้งปริศนาให้ชวนคิดว่า PE 41 เท่ายังน่าเล่นไหมเจ้าค่ะ

ตบท้ายกันที่เรื่องลึกลับของหุ้นร้อนที่ชื่อ MORE กันดีกว่า เพราะบางกระแสก็เม้าท์ถึงตั้งออร์เดอร์ผิด ขณะที่บางกระแสก็บอกก๊วนขาใหญ่ทิ้ง หรือแม้กระทั่งโรบอทเป็นคนยิงคำสั่งขายรัว ๆ ก็มี “โมนิก้า” เลยไม่รู้จะเชื่ออันไหนดีกว่ากัน แต่ที่รู้คือวานนี้หุ้นทรุดฮวบลงมาปิดที่ระดับ 1.95 บาท ลบไป 0.83 บาท หรือลง 30% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 7.14 พันล้านบาท มันเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติอย่างแน่นอน พร้อมกับมีการตั้งคำถามว่า เทรดกันไปถึง 2.76 พันล้านหุ้นได้อย่างไร? และใครเป็นคนเปิดหัวขายไม้แรก? ตลท.ควรมีคำตอบให้กับทุกคนนะจ๊ะ

Back to top button