ลงเพื่อขึ้น

หากมองสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยแบบไม่มีอคติ และไม่เอาเรื่องขี้หมูขี้หมามาปน ก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีศักยภาพที่จะทะยานขึ้นไปอีก


หากมองสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยแบบไม่มีอคติ และไม่เอาเรื่องขี้หมูขี้หมามาปน ก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีศักยภาพที่จะทะยานขึ้นไปอีก แต่ต้องรอให้ผลงานของบริษัทจดทะเบียนเด่นขึ้นมาอีกนิด ต่อจากนั้นจะเห็นการเปลี่ยนแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,650 จุดให้กลายเป็นฐานแนวรับใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นประเด็นที่เดี๊ยนเม้าท์ถึงเป็นประจำเมื่อได้โอกาสงาม ๆ นะจะบอกให้

ประกอบกับวานนี้ดัชนีทิ้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,622.28 จุด ลบไป 10.69 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.59 หมื่นล้านบาท จึงเข้าทางประเด็นที่ “โมนิก้า” อยากจะเม้าท์เต็ม ๆ เพราะมันเป็นเรื่องที่ชอบเม้าท์ถึงประจำเมื่อดัชนีย่อตัวลงมา เพียงแต่เที่ยวนี้มันมีประเด็นที่กดดันตลาดหุ้นอยู่ 3 เรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาน้ำมันดิบที่ลดลงต่ำกว่า 80 เหรียญต่อบาร์เรล เฟดเตรียมจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ หรือแม้กระทั่งความกังวลที่มีต่อเศรษฐกิจชะลอตัว ล้วนส่งผลโดยตรงกับการเคาะหุ้นต่อจากนี้นะคะ

ตรงนี้เป็นเรื่องสถานการณ์ที่ “โมนิก้า” อยากให้แฟนคลับประเมินแนวรับ 1,600 จุดยังจะเอาอยู่ไหม? เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้มันเป็นทั้ง “โอกาส” และ “ความเสี่ยง” ที่นักลงทุนต้องแบกรับด้วยความเต็มใจ เดี๊ยนถึงพยายามให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับการลงทุนในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ให้ได้มากที่สุด เพราะเราเห็นกันเต็มสองลูกตามาแล้วว่า มีคนได้กำไรจากการ “ขึ้นลง ขึ้นลง” มาแล้วทั้งหมด 5 รอบนะจ๊ะ

ที่น่าสนใจคือความกังวลข้างต้นดันไม่มีผลอะไรกับ CPALL แม้แต่นิดเดียว เพราะราคาหุ้นไต่เพดานขึ้นอย่างช้า ๆ ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา จนวานนี้หุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 64.75 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.66 พันล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ทำโลว์ไว้ที่ระดับ 52.75 บาท มันเป็นภาพที่ย้อนแย้งกับประเด็นที่เดี๊ยนเปิดหัวไว้ในตอนต้นเลยนะคะ

เรื่องข้างต้นทำให้เดี๊ยนต้องหันมามองหุ้น BEM เพื่อชี้ให้เห็นแรงซื้อที่ไหลกลับเข้ามาอีกรอบ จนราคาหุ้นขยับขึ้นมาปิดที่ 9.45 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 2.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขายพันล้าน “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่น่าตามไปดูสุด ๆ เพราะทุกคนเห็นแล้วว่า ผู้คนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ (รถติดบนทางด่วนเพียบ คนใช้รถไฟใต้ดินเอียด) จึงเชื่อได้ทันทีว่า ไตรมาส 4 งบสวยแน่นอนจ้า!

ส่วนรายที่มีรอบ “ขึ้น ๆ ลง ๆ” ชัดเจนนับตั้งแต่ต้นปี และมีคนรวยจากเล่นรอบหลายราย “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น GUNKUL ซึ่งมีวงรอบในการเล่นอยู่ที่ระดับ 4.90-5.80 บาทเป็นส่วนใหญ่ เดี๊ยนจึงอยากให้นักเล่นประเมินการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 5.45 บาท ลบไป 0.10 บาท 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 267 ล้านบาท มันเป็นจังหวะของการช้อนหุ้นเพื่อเอาไปขายในราคาที่สูงกว่าเดิมอ๊ะป่าว?..คิดซิ..คิดซิ

เม้าท์ถึงประเด็นนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น BRR เป็นรายถัดมา เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 7.55 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 6.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 91 ล้านบาท โดยที่หุ้นเพิ่งขยับขึ้นจากฐานเป็นวันแรก และยังเป็นการเทรดบน PE 6 เท่า มันเป็นช็อตที่ทำให้ขาลุยต้องเหลือบมองมากเป็นพิเศษ เพราะมองจากสตอรี่ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันทำให้เชื่อว่า 10 บาทไม่ไกลเกินเอื้อมเจ้าค่ะ

สำหรับคนที่ชอบเล่นหุ้นแบบติดเสียวนิด ๆ และมีเรื่องให้เม้าท์ไม่หยุดหย่อน “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นร้อนอย่าง NUSA แบบไม่ลังเลใจ เพราะการย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 1.14 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 118 ล้านบาท น่าจะเป็นการเขย่าหุ้นก่อนดันรอบใหม่ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินสตอรี่เกี่ยวกับการประมูลไฟฟ้า 5 พันเมก มันจะช่วยดันหุ้นได้ขนาดไหนจ้า!

ส่วนรายที่คัมแบ็คอย่างสวยงาม และมีสตอรี่กำไรโตเป็นแบ็คอัพ เดี๊ยนต้องยกตำแหน่งนี้ให้กับ A5 หลังพรายกระซิบแอบไปได้ยินข่าวมาว่า โครงการใหม่ที่เปิดให้ลูกค้าจอง..ขายดีถล่มทลายทุกโครงการ แถมยังมีที่ดินผืนงามอีก 400 ไร่รอการพัฒนาแบบนี้กระมัง! ราคาหุ้นถึงไต่ระดับขึ้นมาเรื่อย ๆ แม้จะโดนกระหน่ำขายเป็นระลอก แต่วานนี้ก็ขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.20 บาท บวกไป 0.74 บาท หรือขึ้นไป 21.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 333 ล้านบาทแบบนี้..คุณคิดว่าจะไปต่อไหมจ๊ะ

Back to top button