ลุ้นระทึก 1,600 จุด

ดูเหมือนความกังวลที่เกี่ยวข้องกับปัญหา “เงินเฟ้อ” และการ “ขึ้นดอกเบี้ย” จะกลายเป็นตัวบั่นทอนความมั่นใจในการลงทุนอย่างรุนแรง


ดูเหมือนความกังวลที่เกี่ยวข้องกับปัญหา “เงินเฟ้อ” และการ “ขึ้นดอกเบี้ย” จะกลายเป็นตัวบั่นทอนความมั่นใจในการลงทุนอย่างรุนแรง จึงทำให้สถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ในทิศทางขาลงเหมือนกันหมด “โมนิก้า” จึงต้องออกมาประเมินแนวรับสำคัญบริเวณ 1,600 จุดยังจะเอาอยู่ไหม? เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่เป็นเหมือนอย่างที่คิดไว้ จึงต้องมีอาการตื่นตัวมากเป็นพิเศษพะย่ะค่ะ

เนื่องจากการขายหุ้นของนักลงทุนสถาบันยังมีออกมาเรื่อย ๆ ขณะที่รายย่อยก็เริ่มสงวนท่าทีในการลงทุนมากขึ้น ส่งผลให้แรงขายหุ้นเที่ยวนี้มาพร้อมกับอาการจิตตก “โมนิก้า” ในฐานะคนที่ชอบดูเรื่องฟันด์โฟลว์เป็นรอบ ๆ จึงขออนุมานเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า “ขาดข่าวดี มีแต่ข่าวร้าย” จึงต้องถอยไปรับหุ้นที่จุดเด้งกลับเป็นลำดับแรก เพราะบริเวณดังกล่าวมีความเสี่ยงในการเล่นค่อนข้างจำกัดจ้า!

ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” มองการทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,604.44 จุด ลบไป 13.76 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.87 หมื่นล้านบาท เกิดจากแนวทางการเล่นแบบเพลย์เซฟ จึงต้องขายหุ้นเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ผนวกกับปรากฏการณ์ “คริสต์มาสแรลลี่” ก็คงไม่มาตามนัดเหมือนทุกครั้ง เมื่อมาผสมโรงกับการเข้าสู่ช่วงหยุดยาวเข้ามาทุกขณะ เลยทำให้หลายอย่างผิดแผนไปหมดเจ้าค่ะ

เหมือนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับ BBL ก็เป็นเรื่องที่ทำให้เดี๊ยนเสียดายมาก ๆ เพราะผลการดำเนินงานก็ดูดี แถมโมเมนตัมหุ้นก็ดูดี แต่บรรยากาศลงทุนกลับไม่เอื้อ หุ้นเลยทำได้แค่แกว่งตัวไปมาในกรอบแคบ ๆ นานนับเดือน ขณะเดียวกันก็ถือว่าโชคดีมาก ๆ ที่วานนี้สามารถยืนหยัดปิดที่ระดับ 144 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 0.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 800 ล้านบาทนะออเจ้า!

เช่นเดียวกับในรายของ MTC ก็พยายามตั้งฐานเพื่อทะยานขึ้นรอบใหม่ แต่สุดท้ายก็โดนกดลงมาเป็นประจำ จนวานนี้ทิ้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 37.25 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 784 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของสถานการณ์ที่ไม่เอื้อต่อหุ้นลีสซิ่ง เพราะเมื่อดูจากความกังวลที่มีต่อเศรษฐกิจ ย่อมเป็นตัวเร่งให้ขาลุยขายหุ้นออกมาก่อนไงล่ะจ๊ะ

ประเด็นนี้ทำให้เดี๊ยนมองไปยังหุ้น SGC แบบไม่ลังเลใจ เพราะเมื่อดูจากแผนการเติบโตแบบจัดเต็ม และลูกเล่นทางธุรกิจที่แพรวพราว น่าจะเป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ ที่นักเล่นควรจะมอง ยิ่งราคาหุ้นทรุดฮวบลงมาปิดที่ระดับ 4.76 บาท ลบไป 0.29 บาท หรือลงไป 5.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 452 ล้านบาท ก็เหมือนเป็นการเปิดทางให้นักเล่นที่ชื่นชอบหุ้นทรงนี้ทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ตนะจะบอกให้

ส่วนรายที่เสียทรงอย่างรุนแรง จนทำให้นักเล่นสงสัยอย่างหนัก “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นน้องใหม่อย่าง DTCENT หลังโดนมือดีถล่มขายอย่างหนักเป็นเวลาหลายวัน จนวานนี้ราคาหุ้นทรุดลงมาปิดที่ระดับ 2.02 บาท ลบไป 0.18 บาท หรือลงไป 8.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 134 ล้านบาท เทียบกับราคาไอพีโอ 2.86 บาท ก็ทำให้รู้ทันทีว่า หุ้นต้องควานหาฐานให้ได้เสียก่อน ต่อจากนั้นถึงจะตั้งลำเพื่อรอโอกาสขึ้นใหม่นะจ๊ะ

เรื่องราวข้างต้นคล้ายกับน้องท็อป TOP ซึ่งดูในมุมต่าง ๆ แบบ 360 องศาก็ต้องบอกว่า น่าเล่น! ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่า PE 3 เท่า หรือแม้กระทั่ง BV 69 บาท ล้วนเป็นสตอรี่ที่ช่วยขับเคลื่อนให้หุ้นขึ้นไปได้สบาย ๆ แต่นักเล่นกลับไม่สบายในประเด็นดังกล่าว วานนี้จึงเห็นหุ้นยืนได้แค่ระดับ 53.50 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 487 ล้านบาทนะจะบอกให้

เม้าท์ถึงหุ้นที่มีสตอรี่สวยขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น RS เพื่อชี้ให้เห็นว่า ปีหน้าคงมีการคลอดสตอรี่เด่นออกมาให้นักเล่นได้ร้องว้าวกันแน่ ๆ เพราะเมื่อดูการขยับตัวของ “เฮียฮ้อ” ในมิติต่าง ๆ ทางธุรกิจ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการเติบโตที่ค่อนข้างโดดเด่น เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดเสมอตัวของหุ้นที่ระดับ 15.60 บาท พ่วงด้วยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับ 2% คือจุดที่น่าลุยพะย่ะค่ะ

Back to top button