กลุ่มเจมาร์ท ลงสุดหรือยัง

ราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ทที่ประกอบด้วย JMART JMT และ SINGER ปรับตัวลงต่อเนื่อง กราฟไปในทิศทางเดียวกัน ทั้ง 3 หุ้น ถูกสาดออกมาเป็นรอบ ๆ


ราคาหุ้นกลุ่มเจมาร์ทที่ประกอบด้วย JMART JMT และ SINGER ปรับตัวลงต่อเนื่อง กราฟไปในทิศทางเดียวกัน

ทั้ง 3 หุ้น หากดูจากกราฟจะพบว่า หุ้นถูกสาดออกมาเป็นรอบ ๆ นับจากในช่วงเดือน เมษายน 2565

นับเป็นรอบใหญ่ ๆ ได้ประมาณ 8 รอบ

ระหว่างรอบ หรือก่อนถูกสาดแต่ละรอบนั้น ราคาหุ้นเหมือนพยายามจะเด้งหรือฟื้นตัว

ทว่า กลับไม่ได้ฟื้นจริง

เพราะจังหวะเด้งขึ้นไปทุกครั้ง ราคาจะไปไม่ได้ระดับสูงสุดที่เคยขึ้นไปในช่วงก่อนหน้าเลยสักครั้ง

การสาดหุ้นออกมา อย่าง JMART เดิมต่างประเมินแนวรับว่า ไม่น่าจะหลุด 40 บาท

แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะราคากลับหลุดแนวรับ 40 บาทลงมา แต่ยังยืนเหนือ 35 บาทได้

ส่วน JMT ไม่คิดว่าราคาจะหลุด 60 บาทลงมาได้

แต่กลับร่วงหลุดจนได้

เช่นเดียวกับกับ ซิงเกอร์ฯ หรือ SINGER ที่มีนโยบายซื้อหุ้นคืนจากทางบริษัท

มีการรับซื้อคืนไม้แรกที่ราคาเฉลี่ย 28.50 บาท

แต่ยังดึงราคาไว้ไม่อยู่ ล่าสุด ลงมาอยู่ที่ 27.50 บาท หรือต่ำกว่าราคารับซื้อคืนเสียอีก

นักลงทุนถามกันเยอะมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มเจมาร์ท

หากตอบแบบนักวิเคราะห์ตอบ อาจได้คำตอบว่า ผลประกอบการอาจไม่ได้เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้

ประกอบกับหุ้นบางตัวอาจจะมีพี/อี สูงเกินไป เช่น JMT เลยต้องมีการปรับพอร์ตเทขายทำกำไรออกมา เวลาตลาดหุ้นปรับฐาน และอีกหลายเหตุผล

แต่หากจะให้ตอบกันแบบจริง ๆ ไม่อิงบทวิเคราะห์

นั่นคือ มีกระแสข่าวว่าเป็นกลุ่ม “นักลงทุนรายใหญ่” ขายออกมา

ว่ากันว่า เป็นกลุ่มรายใหญ่ที่มีมูลค่าพอร์ตนับหมื่นล้านบาท เกี่ยวพันกับกลุ่มทุนโครงสร้างพื้นฐาน

ที่ผ่านมานับจากอดีต เข้า ๆ ออก ๆ หุ้นกลุ่มเจมาร์ทอยู่หลายครั้ง

ส่วนต้นทุนของพวกเขานั้นไม่ทราบจริง ๆ ว่าอยู่ที่ราคาเท่าไหร่

แต่หากย้อนกลับไปดูกราฟ เช่น JMART ราคาเมื่อ 2 ปีกว่า ยังต่ำกว่าระดับ 10 บาท

หากเก็บสะสมตั้งแต่ตอนนั้น ทุนพวกเขาน่าจะต่ำพอสมควร

ปกติแล้วนักลงทุนรายใหญ่จะทนถือหุ้นกันได้ค่อนข้างนาน หุ้นบางตัวถือกันไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี ก่อนจะค่อย ๆ สาดออก

เหตุผล ก็ไม่น่าจะมีอะไรมากนอกจาก “ดักขายทำกำไร”

แต่หากจะถามอีกว่า แล้วพื้นฐานของกลุ่มเจมาร์ทเป็นอย่างไร

หากอ้างอิงจากบทวิเคราะห์ และเท่าที่ได้พูดคุยกับผู้บริหารของกลุ่ม ต่างยังคงแสดงความมั่นใจว่า ตัวเลขเป้ารายได้และกำไรจะเป็นไปตามคาดการณ์

เช่น JMART มีปัจจัยบวกหุ้นจากสุกี้ตี๋น้อยค่อนข้างมาก

ส่วนหุ้น BRR ราคายังคงสูงกว่าราคาที่เจมาร์ทเคยไปซื้อไว้ค่อนข้างมาก

JMART ยังน่าจะรับรู้กำไรจาก JMT เพิ่มขึ้น จากที่ JMT ร่วมลงทุนกับ แบงก์กสิกรไทยเพื่อตั้ง JV AMC ในชื่อ JK AMC ที่น่าจะมีผลประกอบการออกมาดีในปี 2566

การรับซื้อหนี้เพื่อมาบริหาร และเรียกเก็บเงิน ก็เป็นไปตามเป้า

และอีกหลากหลายปัจจัยบวก

กลับมายังคำถามที่ว่า แล้วทุนกลุ่มนี้ขายสะเด็ดน้ำหรือยัง

ตรงนี้ยากที่จะคาดเดาจริง ๆ

แต่อย่างน้อยเชื่อว่า หากผลประกอบการออกมาเป็นไปตามเป้า

ในที่สุดทั้งราคาและพื้นฐานของหุ้นแต่ละตัว จะมาอยู่ในระดับที่พอดีกันนั่นแหละ

Back to top button