แพนิกหุ้นกลุ่ม ‘เจ’

วานนี้ดัชนี SET ไม่ได้ปิดลงเยอะมาก เหลือเพียง 5.37 จุด เพียงแต่หลุดแนวรับจิตวิทยา 1,650 จุด เท่านั้น ส่วนนักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อสุทธิ 5,619 ล้านบาท


เมื่อวานนี้ดัชนี SET ไม่ได้ปิดลงเยอะมาก เหลือเพียง 5.37 จุด

เพียงแต่หลุดแนวรับจิตวิทยา 1,650 จุดเท่านั้น

ส่วนนักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อสุทธิ 5,619 ล้านบาท ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 12 วัน (ทำการ)

หุ้นขนาดใหญ่ที่เคลื่อนไหววานนี้ เช่น KBANK DELTA AOT ADVANC GULF ต่างเพิ่มขึ้นและลดลง กันเล็กน้อย และไม่ได้มีนัยสำคัญอะไร

แต่หุ้นในกลุ่มที่ถูกกล่าวถึงกันมากคือ กลุ่มตระกูล “เจ” หรือ เจมาร์ท

รวมถึงหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์

ประเด็นของกลุ่มเจ น่าจะเริ่มมาจาก มีนักวิเคราะห์ของ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (KS)

อยู่ดี ๆ กลับมีมุมมองเชิงลบกับหุ้นกลุ่มเจ พร้อมกับปรับราคาเป้าหมายลง

ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงอย่างหนัก เพราะอาจจะมีนักลงทุนสถาบันที่ลงทุนอ้างอิงไปตามบทวิเคราะห์ (ที่กำหนดไว้) ปรับพอร์ต ขายกันออกมา

เมื่อมีไม้ใหญ่สาดออก

แน่นอนว่า ทำให้เกิดการ “แพนิก” ไปยังนักลงทุนรายย่อย

กระทั่งเกิดการ Force sell หรือบังคับขาย จากราคาหุ้นลงมาหนักมาก

ทั้ง JMART SINGER SGC และ JMT

การขายที่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาของหุ้นกลุ่มเจ

ทำให้ราคาหลุดแนวรับทุกแนว และยากที่จะประเมินได้ว่า จะลงไปสิ้นสุดที่ตรงไหน

จนกว่าจะเกิดการขายแบบ “สะเด็ดน้ำ”

หากจะถามว่า แล้วเขาขายกันไปหมดหรือยัง

เป็นคำถามที่ตอบค่อนข้างยาก

แต่หากจะวิเคราะห์ให้แบบง่ายสุด คือ ต้องดูว่า ราคาเป้าหมายของโบรกเกอร์แห่งนี้ที่ปรับลดลงมาของแต่ละหุ้นอยู่ที่เท่าไหร่

ต่อจากนั้น ลองมาคำนวณดูว่า หุ้นแต่ละตัวควรจะมีอัพไซด์ หรือช่องว่างประมาณกี่เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย

เช่น วานนี้ SGC ลงมาปิด 3.60 บาท

หากดูจากราคาเป้าหมายที่โบรกฯ แห่งนี้ดีดลูกคิดคำนวณไว้ คือ 4.10 บาท

เท่ากับว่า มีอัพไซด์อยู่ประมาณ 14%

หรือหุ้น JMT ถูกลดลงราคาเป้าหมายลงมาที่ 51.00 บาท

เมื่อวานนี้ปิด 42.75 บาท เท่ากับว่า มีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายของโบรกฯ แห่งนี้ประมาณ 19.29%

แต่หากเข้าไปดูข้อมูล IAA Consensus Target Price ของหุ้น JMT ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 70.69 บาท ราคาสูงสุด 90 บาท ต่ำสุด 51 บาท (บล.กสิกรไทย)

ส่วน SGC ราคา IAA Consensus Target Price อยู่ที่ 5.07 บาท ราคาเป้าหมายสูงสุด

หากอ้างอิงตาม IAA Consensus Target Price มีอัพไซด์ค่อนข้างสูงมากทั้ง 2 หุ้น

และนักวิเคราะห์จากโบรกฯ อื่น ไม่ถึงกับมีมุมเชิงลบมากเกินไปเหมือนกับของ บล.กสิกรไทย

ส่วนแนวโน้มวันนี้ ราคาอาจดีดตัวขึ้นทางเทคนิค

หรืออาจจะย่อตัวลงต่ออีกก็ได้ หากแรงขายยังไม่หมด

ในระยะสั้นจึงอย่าเพิ่งเข้าไปยุ่ง ให้รอจนขายสะเด็ดน้ำจริง ๆ หรือหากจะเข้า ก็ต้องเข้าทีละไม้ และเป็นไม้เบา ๆ

ส่วนหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ เช่น SM SAWAD MTC SAK และหุ้นตัวอื่น ๆ

ต่างพากันปรับลง โดยส่วนหนึ่งเกิดจากเรื่องนโยบายของแบงก์ชาติเกี่ยวกับการควบคุมการปล่อยสินเชื่อ และนโยบายด้านอัตราดอกเบี้ยทั้งดอกเบี้ยนโยบาย และดอกเบี้ยเงินกู้ประเภทต่าง ๆ

และอีกปัจจัย คือ แพนิก จากหุ้นกลุ่มการเงินในกลุ่มเจ

Back to top button