หุ้นรพ. เล็กไม่..ใหญ่เด่น.!?

ดูเหมือนจะหมดช่วงฮันนีมูนสำหรับหุ้นโรงพยาบาลขนาดกลางและเล็กไปแล้ว หลังจากช่วงโควิดมีการเก็งกำไรกันสนุกมือ เพราะงบออกมาอู้ฟู่ฟันกำไรกันพุงกาง


ดูเหมือนจะหมดช่วงฮันนีมูนสำหรับหุ้นโรงพยาบาลขนาดกลางและเล็กไปแล้ว หลังจากช่วงโควิดมีการเก็งกำไรกันสนุกมือ เพราะงบออกมาอู้ฟู่ฟันกำไรกันพุงกาง รับอานิสงส์จากการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับโควิดไปเต็มเหนี่ยว แต่เมื่อโควิดซา ช่วงปลายปีเริ่มแผ่ว เลยเป็นที่มาของงบทั้งปีไม่ค่อยสู้ดี…

ไล่มาตั้งแต่บริษัท โรงพยาบาลราชพฤกษ์ จำกัด (มหาชน) หรือ RPH ที่งบปี 2565 กำไรสุทธิทรุดไป 28.9% เหลือแค่ 286 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 402 ล้านบาท

สาเหตุก็มาจากรายได้จากกิจการโรงพยาบาลลดลง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/2565 วูบหนักกว่า 60.2% จากไตรมาส 4/2564 เนื่องจากการให้บริการรักษาผู้ป่วยโควิดลดลง ส่งผลให้ในปี 2565 มีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลอยู่ที่ 1,326 ล้านบาท ลดลง 6.1% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้จากกิจการโรงพยาบาล 1,412 ล้านบาท

ฟากบริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH สถานการณ์ไม่ต่างกัน งบปี 2565 มีกำไรสุทธิ 322 ล้านบาท ลดลง 30.49% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 464 ล้านบาท ชัดเจนว่ารายได้จากการรักษาผู้ป่วยโควิดของ LPH หายไปเกือบครึ่ง เหลือแค่ 324 ล้านบาท ลดลง 47.36% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้จากการรักษาผู้ป่วยโควิดสูงถึง 616 ล้านบาท

อีกโรงพยาบาลที่กำไรทรุด เป็นบริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG ซึ่งในไตรมาส 4/2565 กำไรสุทธิลดลง 84% เหลือแค่ 285 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2564 ที่มีกำไรสุทธิ 1,813 ล้านบาท สาเหตุมาจากรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาลลดลง 55% อยู่ที่ 1,720 ล้านบาท โดยเฉพาะรายได้ที่เกี่ยวเนื่องจากโควิดที่ลดลง หลังจากภาครัฐยกเลิกการจ่ายค่ารักษาพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยโควิด

ส่งผลให้ในปี 2565 CHG มีกำไรสุทธิเหลือแค่ 2,778 ล้านบาท ลดลง 33.9% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 4,204 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 10,103 ล้านบาท ลดลง 14.0% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 11,742 ล้านบาท

ด้านบริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) หรือ WPH ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 115 ล้านบาท ลดลง 50.43% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 232 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการรักษาพยาบาล 1,145 ล้านบาท ลดลง 6.5% สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้ของกลุ่มผู้ป่วยโควิด

ส่วนบริษัท โรงพยาบาลราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ RJH แม้งบปี 2565 กำไรสุทธิทรง ๆ อยู่ที่ 1,029 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 1,011 ล้านบาท แต่ถ้าไปดูงบไตรมาส 4/2565 ชัดเจน กำไรสุทธิวูบไป 88% เหลือแค่ 34 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2565 ที่มีกำไรสุทธิ 283 ล้านบาท

โดยในไตรมาส 4/2565 มีรายได้รวมจากกิจการโรงพยาบาลอยู่ที่ 545 ล้านบาท ลดลง 40% สาเหตุมาจากการลดลงของรายได้จากการรักษาพยาบาล เนื่องจากไม่มีรายได้จากโควิด

เรียกว่า พอโควิดซา…กำไรวูบกันเป็นแถว..!!

แต่หันไปดูโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ซึ่งเน้นลูกค้าชาวต่างชาติเป็นหลัก กลับโตดีแฮะ ดูได้จากงบไตรมาส 4/2565 ของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH กำไรสุทธิโตทะลักแตะที่ 1,546 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2564 ที่มีกำไรสุทธิ 612 ล้านบาท โดยมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาล 5,968 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.7% เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติและผู้ป่วยชาวไทย ส่งผลให้งบปี 2565 มีกำไรสุทธิ 4,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 306% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 1,216 ล้านบาท

ฟากบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ฟาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/2565 ไป 3,113 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2564 ที่มีกำไรสุทธิ 2,636 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการดำเนินงาน 23,842 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติ 61% ในขณะที่ผู้ป่วยชาวไทยลดลง 4% จากการลดลงของรายได้ที่เกี่ยวกับโควิด ทำให้ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 12,606 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 7,936 ล้านบาท

อย่างนี้ก็เข้าทำนองโรงพยาบาลเล็กไม่…แต่โรงพยาบาลใหญ่เด่นน่ะสิ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button