ประชาชนตัดสินแล้ว

ยิ่งช่วงปลายโค้งสุดท้าย การต่อสู้ 2 แนวทาง ระหว่างอนุรักษนิยมVS.เสรีนิยม ยิ่งขับเคี่ยวชิงชัยอย่างแผดร้อนถึงพริกถึงขิง


แม้วันเลือกตั้งใหญ่ 14..ยังมาไม่ถึง แต่ประชาชนคงตัดสินใจแล้วล่ะว่า จะเลือกพรรคการเมืองแนวไหน โจทย์ใหญ่ใจความก็คงจะล้อมรอบอยู่ที่ปัญหา จะให้ “ประยุทธ์ไปต่อ” หรือ “ปิดสวิตช์ระบบ 3 .” หยุดการสืบทอดอำนาจนั่นแหละ

นั่นคือ แนวทางการขับเคี่ยวกันระหว่างพรรคการเมือง 2 ขั้ว ขั้วหนึ่งคืออนุรักษนิยม ที่นำโดยพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ ชาติไทยพัฒนา และ ภูมิใจไทย ที่ร่วมรัฐบาลกันมา ก็จัดเข้าอยู่ในขั้วนี้ด้วย

ส่วนพรรคอีกขั้วหนึ่ง คือ เสรีนิยม ก็นำมาโดยพรรคเพื่อไทย และก้าวไกล ที่กระแสมาแรงมากในกลุ่มคนหนุ่มสาว รวมทั้งอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมดอันได้แก่ เสรีรวมไทย ประชาชาติ และพรรคตั้งใหม่ ไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์รวมอยู่ด้วย

ยิ่งช่วงปลายโค้งสุดท้าย การต่อสู้ 2 แนวทาง ระหว่างอนุรักษนิยมVS.เสรีนิยม ยิ่งขับเคี่ยวชิงชัยอย่างแผดร้อนถึงพริกถึงขิง

รวมไทยสร้างชาติ ออกคลิปวิดีโอ “ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” ที่ฉายภาพข้าราชเกษียณฯ จะเป็นขอทาน “ประชาธิปไตยเฟ้อ” ในครอบครัวถึงขั้นต้องโหวตก่อนคุณแม่จะทำพะโล้ ปัญหาชายแดนวิกฤตแต่ขาดทหารป้องกัน เพราะนโยบายเลิกเกณฑ์ทหาร และลูกสาวถ่ายคลิปเสียวเพื่อธุรกิจ โดยไม่แคร์อารมณ์ชอกช้ำผู้เป็นแม่

เข้าใจว่าต้องการตอบโต้นโยบายพรรคก้าวไกล ที่แนวคิดแตกต่างกันสุดกู่ “ลุง” จะได้คะแนนบวกหรือยิ่งตามห่างสุดกู่จากคลิปดราม่านี้ ก็ไม่รู้สิ

ประชาชนตัดสินใจแล้วจริง ๆ ที่จะเลือกพรรคการเมืองแนวทางใดอย่างถล่มทลาย แต่ก็มีตัวแปรสำคัญ ที่ไม่ได้มาจากพรรคการเมืองด้วยกัน ดันเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.ที่สังคมเคลือบแคลงอย่างหนักถึงการปฏิบัติหน้าที่จัดการเลือกตั้ง จะบริสุทธิ์ยุติธรรมเพียงใดเสียนี่

การเลือกตั้งใหญ่ปี 62 กกต.ก็ได้ฝากผลงานอื้ออึงมาแล้วในเรื่องของบัตรเขย่งพรรคปัดเศษ และการคำนวณสูตรพิสดารเกี่ยวกับจำนวนส..พึงมี ที่เอื้อประโยชน์ต่อพรรคเล็กพรรคน้อย แต่มาถึงการเลือกตั้งใหญ่ปี 66 ที่จะถึงนี้ ภาพลักษณ์กกต.ไม่ได้ดูดีขึ้นเลย กลับได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ด้านลบหนักกว่าเก่า

เริ่มแต่การเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 7 พ.ค. 66 ที่มีเดิมพันผู้ไปใช้สิทธิ 2.15 ล้านคน หรือ 91.83% ของจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิฯ 2.35 ล้านคน มีแต่เสียงก่นด่าทั่วสารทิศทั้งส่อทุจริตและความไม่เป็นมืออาชีพ ทั้งที่ใช้งบประมาณเกือบ 6 พันล้านบาท

มีทั้งแจกบัตรลงคะแนนแบบ “บัตรโหล” สลับเขต รายชื่อผู้สมัครหายออกไปจากเขตพื้นที่ก็มี รวมทั้งกรอกรหัสหน้าหีบเลือกตั้งมั่วไปหมด ไม่รู้อันไหนเป็นรหัสไปรษณีย์ อันไหนเป็นรหัสกกต. พอบัตรเลือกตั้งถูกส่งกลับไปหน่วยเลือกตั้งจริง ก็คงจะมั่วซั่วและเกิด “บัตรเขย่ง” มากมายเหมือนคราวที่แล้ว

“อำนาจเจริญ โมเดล” คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุดว่ากกต.ไม่คิดจะทำงานเชิงรุกเลย ก็ปรากฏหลักฐานทนโท่จากคลิปก่อนหน้านี้แล้วว่ามีการรวบรวมบัตรประชาชนราษฎรเพื่อจะเอาไปลงทะเบียนล่วงหน้า กกต.ที่มีกกต.จังหวัดอยู่ก็ยังไม่ส่งเจ้าหน้าที่ออกสอดส่องติตตาม

พอถึงวันลงคะแนนจริงก็ตามนั้นแหละ มีการขนคนแก่อายุ 60-70 ปีไปลงคะแนนกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน มีเขียนเบอร์ให้กาที่ฝ่ามือก็มี กกต.ก็ไม่สนใจจะสอบสวนทั้งที่เป็นหลักฐานจะ ๆ ให้จับทุจริตได้

คนแก่อะไรกัน (วะ) ยอมถ่อสังขารออกนอกหมู่บ้านตั้ง 30-40 กิโลมาลงคะแนนล่วงหน้า ทั้งที่วันเลือกตั้งจริง ก็ได้เดินไปลงคะแนนในหมู่บ้านตนไม่กี่ก้าวเอง กกต.มันชาเย็นกันอะไรขนาดนี้

สิ่งที่น่าเคลือบแคลงที่สุด ก็คือการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ค่าใช้จ่ายของผู้สังเกตการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้ง

ให้เป็นค่าใช้จ่ายของพรรคการเมือง ทำให้พรรคการเมืองไม่สามารถส่งตัวแทนไปสังเกตการณ์ได้ เพราะงบจะเกินเพดานตามกฎหมายกำหนด

นี่มันเจตนาเปลี่ยนกฎเพื่อจะทำมิดีมิร้ายอะไรเนี่ย!

ไม่ต้องสงสัยเลย ตัวเลขขับไล่กกต.บนทวิตเตอร์เกือบ 1.3 ล้านรายแล้ว ถึงวันเลือกตั้งจริงก็น่าจะมีครบ 1.5 ล้าน เพื่อยื่นถอดถอนกกต.กันได้

เลือกตั้งปี 2566 ประชาชนตัดสินใจล่วงหน้าแล้วจริง ๆ จับตาวิชามารจากกกต. และองค์กรสังหารทางการเมืองต่าง ๆ ไปใช้สิทธิใช้เสียงกันให้มืดฟ้ามัวดินนะครับ

Back to top button