TTB รายได้ดอกเบี้ย-NIM โดดเด่น

TTB รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 มีกำไรสุทธิ 4,566.29 ล้านบาท เติบโต 32.81% จากไตรมาส 2/2565 และเพิ่มขึ้น 6.33% จากไตรมาส 1/2566


คุณค่าบริษัท

ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB โครงสร้างสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 1.บรรษัทธุรกิจ 32% 2.SME 8% 3.รายย่อย-เพื่อที่อยู่อาศัย 24% 4.รายย่อย-เช่าซื้อ 30% 5.รายย่อย-สินเชื่อบุคคล 3% 6.รายย่อย-บัตรเครดิต 2% 7.อื่น ๆ 1% ภายใต้สินเชื่อกลุ่มรายย่อย-เช่าซื้อ 30% สามารถจำแนกต่อได้ดังนี้ 1.รถยนต์ใหม่ 69% 2.สินเชื่อรถแลกเงิน 16% 3.รถยนต์ใช้แล้ว 15%

TTB รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 มีกำไรสุทธิ 4,566.29 ล้านบาท เติบโต 32.81% จากไตรมาส 2/2565 และเพิ่มขึ้น 6.33% จากไตรมาส 1/2566 กำไรที่เติบโตดีเป็นผลมาจากรายได้จากการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น 12% จากไตรมาส 2/2565 จากทั้งรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาส 2/2565 และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาส 2/2565 ด้านอัตราส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง อยู่ที่ 3.18% ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.10% จาก 3.08% ในไตรมาส 1/2566 และเพิ่มขึ้น 0.35% จาก 2.83% ในไตรมาส 2/2565 จากการควบคุมต้นทุนทางการเงินที่ดี และอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น TTB ยังควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ระดับอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ (C/I) อยู่ที่ 44% ลดลงจาก 45% ในไตรมาส 2/2565 แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 1/2566 ที่ 43% ส่งผลให้กำไรก่อนตั้งสำรอง (PPOP) เพิ่มขึ้น 13.6% จากไตรมาส 2/2565 มาที่ 9,940 ล้านบาท

ด้านคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ สะท้อนจาก credit cost ลดลงอยู่ที่ 1.25% ซึ่งลดลง 3.2% จากไตรมาส 2/2565 และลดลง 0.7% จากไตรมาส 1/2566 TTB ได้ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) และ Management Overlay จำนวน 4,244 ล้านบาท ระดับสัดส่วนหนี้เสียทรงตัวอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL ratio) อยู่ที่ 2.63% ทรงตัวเมื่อเทียบกับ 2.69% ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 และ 2.73% ณ สิ้นปี 2565 และอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ที่แข็งแรง อยู่ที่ 144% ดีขึ้นจาก 140% ในไตรมาส 1/2566

สินเชื่อรวม ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 ของ TTB อยู่ที่ 1,364,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.4% จากไตรมาส 1/2566 แต่ลดลง 0.9% จากต้นปี 2566 จากสินเชื่อทั้งกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และลูกค้ารายย่อย ขณะที่กลุ่มลูกค้า SME ยังลดลงต่อเนื่องตามแผนการดำเนินงาน การเติบโตของสินเชื่อจากไตรมาส 1/2566 ได้แรงหนุนจากสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนสำหรับลูกค้าองค์กรและสินเชื่อรายย่อยที่ให้ผลตอบแทนสูง ประกอบด้วยสินเชื่อรถแลกเงิน (เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาส 1/2566) สินเชื่อบ้านแลกเงิน (ขยายตัว 4% จากไตรมาส 1/2566) และผลิตภัณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคล (ขยายตัว 6% จากไตรมาส 1/2566)

ข้อมูลจาก Refinitiv Consensus สำหรับ TTB ระบุว่า ประมาณการรายได้รวมปี 2566 ที่ 69,930.38 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 16,915.12 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 1.60 บาท จาก 17 โบรกเกอร์

บล.กสิกรไทย ระบุว่า ยังไม่เห็นสัญญาณเตือนจากการก่อตัวของ NPL ใหม่ไตรมาสนี้ และคาดว่ากำไรไตรมาส 3/2566 จะแข็งแกร่งต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2566 จาก NIM ที่มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 3/2566 จากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้น และสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งให้ผลตอบแทนสูง โดยมี credit cost คงที่ โดยมอง TTB ยังคงเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มธุรกิจนี้

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น TTB ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 21 ก.ค. 2566 ที่ 1.69 บาท) ซื้อขายกันที่ P/E 10.70 เท่า สูงกว่า P/E กลุ่มธนาคารที่ 8.90 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น TTB อยู่ที่ 0.73 เท่า สูงกว่า P/BV กลุ่มธนาคารที่ 0.70 เท่า

Back to top button