ตลาดหุ้นพังแล้ว?

ในที่สุดตลาดหุ้นไทยก็พังพาบไม่เป็นท่า เพราะต้องพ่ายแพ้ให้กับแรงกดดันดอกเบี้ยขาขึ้น และยังถูกขย่มซ้ำจากเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง


ในที่สุดตลาดหุ้นไทยก็พังพาบไม่เป็นท่า เพราะต้องพ่ายแพ้ให้กับแรงกดดันดอกเบี้ยขาขึ้น และยังถูกขย่มซ้ำจากเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง จนวันนี้ทะลุระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์แบบนี้ มันเป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นฝีมืออันอ่อนด้อยของชายร่างสูงโปร่งอย่าง “เสี่ยนิด” ซึ่งอาสามานั่งเป็น รมว.คลัง ได้เป็นอย่างดี (ชาวหุ้นเขาเม้าท์กันไว้แบบนี้) หลังไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้น่ะซี

ว่ากันว่า เสี่ยนิดยังหมกหมุ่นอยู่กับเรื่องแจกเงินหมื่นบาท เลยไม่มีเวลาไปทำเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ และผลที่ได้รับก็คือ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ทำธุรกิจนำเข้าต่างก่นด่ากันไฟแลบ เพราะต้นทุนในการทำธุรกิจพุ่งขึ้นไม่หยุด ขณะที่ราคาไม่ขายดันขึ้นไม่ได้ แถมยังมีเรื่องขึ้นค่าแรงรอกระทืบซ้ำอยู่ข้างหน้าแบบนี้ มันเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้หลายคนต้องคัตลอส เพื่อไม่ให้ตัวเองเจ็บหนักไปกว่านี้เจ้าค่ะ

แรงกดดันดังกล่าวทำให้ดัชนีรูดทะลุแนวรับสุดท้ายบริเวณ 1,460 จุดลงมาอย่างง่ายดาย พร้อมกับลงไปทำโลว์ที่ระดับ 1,443.24 จุด ก่อนจะตีกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,447.30 จุด ลบไป 22.16 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.03 หมื่นล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่ทำให้รู้ว่า ทุกอย่างมันพังหมดแล้ว! จึงไม่มีประโยชน์ที่จะฝืนกระแสอีกต่อไป หลังทุกคนเห็นกันทนโท่ว่า ต่างชาติยังขายหุ้นไม่เลิกนะจ๊ะ

ส่วนรายที่เจ็บเกินจะบรรยายต้องมองไปที่หุ้น SCGP ก่อนใครเพื่อน เพราะการลงมาปิดที่ระดับ 36.50 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 4.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.22 พันล้านบาท มันเป็นการยืนปิดที่บริเวณแนวรับสุดท้าย และถ้าดูจากบรรยากาศรอบด้านจะเห็นว่า เที่ยวนี้คงต้านไม่ไหวแน่ ๆ แถมหุ้นยังเทรดบน PE 38 เท่าในภาวะตลาดหุ้นเป็นขาลงแบบนี้ คงไม่มีใครกล้าเข้าไปรับของหรอกจ้า

เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้น TIDLOR ก็ถูกพวกกองทุนเหยียบแบนแต๊ดแต๋ และมีแนวโน้มจะทำ “โลว์แล้ว โลว์อีก” แบบนี้ มันเป็นเกมที่สร้างความอึดอัดใจอย่างแรง และทางออกเดียวที่ทำได้ในเวลานี้ก็คือ ต้องยอมขายขาดทุนเพียงสถานเดียว หลังหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 19.90 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 873 ล้านบาทแบบหมดเรี่ยวแรงพะย่ะค่ะ

ขนาดที่ว่า “แข็ง ๆ แน่ ๆ” อย่างหุ้น HMPRO ก็ยังต้านแรงขายของต่างชาติไม่ไหว แถมยังมีประเด็นเศรษฐกิจยุค “เสี่ยนิด” แย่ยิ่งกว่ายุค “ลุงตู่” แบบนี้ มันเป็นเรื่องที่บั่นทอนสภาพจิตใจของนักเล่นอย่างรุนแรง “โมนิก้า” ถึงสังหรณ์ใจว่า การขึ้นมาติดในกระดาน most active ด้วยการยืนปิดที่ระดับ 12.30 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 3.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 956 ล้านบาท น่าจะเป็นสัญญาณเตือนว่า เรื่องยังไม่จบแค่นี้นะตัวเอง

ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องออกมาเม้าท์ถึง EA ซึ่งลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรมให้กับตนเองแบบนี้ เดี๊ยนถือเป็นเรื่องของการใช้สิทธิ์ที่พึงกระทำได้ และทาง กกพ. ก็ควรจะต้องเคลียร์ประเด็นต่าง ๆ ให้ชัดเจน แถมที่ผ่านมาก็ถูกนินทาว่า ไม่แฟร์เป็นเวลานานเสียด้วย เดี๊ยนถึงมองว่า นี่เป็นหนังเรื่องยาวที่น่าติดตามอย่างใกล้ชิด! เพราะเป็นการตีแผ่ความไม่ชอบมาพากลให้สังคมได้รู้..ส่วนราคาหุ้นในกระดานก็ยืนปิดที่ 48.75บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 3.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 961 ล้านบาทเจ้าค่ะ

เม้าท์ถึงเรื่องร้อนเยอะพอสมควรแล้ว “โมนิก้า” ขอเปลี่ยนไปเม้าท์เรื่องดีกันบ้างดีกว่า และตัวแรกที่อยากจะเม้าท์ถึงก็คือ COCOCO เพราะเป็นหุ้นใหญ่ไม่กี่ตัวที่บวกสวนได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 9.20 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 3.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 416 ล้านบาท มันเป็นภาพที่สะท้อนถึงความมั่นใจที่มีต่อหุ้นตัวนี้ หลังทยอยปล่อยข่าวดีออกมาเป็นระลอกน่ะซี

เช่นเดียวกับหุ้นน้องใหม่อย่าง JPARK ก็เปิดตัววันแรกอย่างสวยงาม แถมยังเป็นหุ้นที่นักเล่นเข้ามาตะลุมบอนกันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะยืนปิดไปที่ระดับ 4.66 บาท บวกไป 0.86 บาท หรือขึ้นไป 22.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.28 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่เล่นกันได้อีกสักพัก เพราะเมื่อดูจากรูปแบบการเล่นตลอดทั้งวัน ก็เป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป จึงมีลุ้นหาค่าขนมได้อีกหนึ่งวันค่ะ

Back to top button