‘เซียนฮง’ มองหุ้นไทย

“เซียนฮง” นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้นไทย วานนี้มีโอกาสได้นั่งคุยกับเซียนฮง มีทั้งเรื่องภาวะตลาดหุ้น อดีต-ปัจจุบัน และแนวโน้ม 2-3 ปีข้างหน้า


“เซียนฮง” หรือ สถาพร งามเรืองพงศ์ นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้นไทย

เมื่อวานนี้มีโอกาสได้นั่งคุยกับเซียนฮง

มีทั้งเรื่องภาวะตลาดหุ้น ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และแนวโน้มในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

กลยุทธ์การลงทุนขณะนี้ กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจ ฯลฯ

และสุดท้ายคือ เรื่องที่เซียนฮง ถูกกลุ่มมิจฉาชีพนำชื่อไปอ้างเข้าร่วมกลุ่มการลงทุน จนมีนักลงทุนเสียหายจำนวนมาก ทำให้ล่าสุดเขาต้องแจ้งความต่อตำรวจ

มองภาพรวมตลาดหุ้นไทยตอนนี้อย่างไร?

เขาบอกว่า ต่างจากในอดีตช่วงที่เขาเริ่มเข้าวงการตลาดหุ้น

สมัยนั้น อัตราดอกเบี้ยต่ำ ส่วนที่เข้าไปซื้อ แม้จะมี พี/อี สูง แต่หากดูว่ายังเติบโตต่อไปได้ หุ้นตัวนั้น ๆ ราคาก็ยังขึ้นได้

ส่วนปัจจุบันนั้น ใช้กลยุทธ์แบบเดิมไม่ได้

เหตุผลเพราะดอกเบี้ยอยู่ระดับสูง หุ้นที่มีพี/อีสูงราคาจะไม่ไปต่อ

ดีล M&A จะน้อยลง ต้นทุนของบริษัทจดทะเบียนจะสูงขึ้น (จากดอกเบี้ยสูง) หนี้สินต่อหุ้น (D/E) สูงขึ้น และอาจจะเห็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้มากขึ้น

เซียนฮง บอกว่า อัตราดอกเบี้ยก่อนหน้านี้อยู่ที่ 2-3%

แต่ปัจจุบันขึ้นมาอยู่ระหว่าง 5-6% หรือขึ้นมาเกือบเท่าตัว ดังนั้น บจ.ที่มีหนี้เยอะ จะแบกต้นทุนตามขึ้นไปด้วย

โดยเฉพาะหากมียอดขายหรือรายได้ไม่ดีนัก หุ้นเหล่านั้นจะมีปัญหาทันที

แล้วเทคนิคในการเลือกหุ้นปัจจุบัน..?

เซียนฮง บอกว่า จะดูจาก “กระแสเงินสด” เป็นหลัก บวกกับ “ทิศทางการเติบโต” ของหุ้นนั้น ๆ

นอกนั้น จะดู “ผู้บริหาร” ของบริษัทเข้ามาประกอบด้วย

สรุป หากหุ้นมีกระแสเงินสดดี การเติบโตในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าดี ก็นับว่าเป็นหุ้นน่าสนใจ

เซียนฮง กึ่งยอมรับว่า ผลตอบแทนจากตลาดหุ้นขณะนี้กับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ แตกต่างกันมาก

อย่างบอนด์ยีลด์ อยู่ที่ประมาณ 5% ว่า เป็นผลตอบแทนน่าสนใจ และความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ หรือแทบไม่มีความเสี่ยง

ส่วนผลตอบแทนจากตลาดหุ้น มันต่ำกว่าค่อนข้างมาก

และนั่นทำให้ Earning Yield Gap (ส่วนต่างระหว่างสินทรัพย์เสี่ยงกับไม่เสี่ยง) แตกต่างกันมาก

สถานการณ์แบบนี้ จะเห็นว่า การลงทุนในพันธบัตรที่มีบอนด์ยีลด์ สูงกว่า และแทบจะไม่เสี่ยง จึงมีความน่าสนใจกว่าตลาดหุ้นในขณะนี้

มาถึงคำถามสำคัญ นั่นคือ “พอร์ตหุ้น” ล่าสุดเป็นอย่างไร

เซียนฮง ตอบให้แบบทันทีว่า ตั้งแต่ต้นปีขาดทุนเกินกว่า 20%

(นิ่งไปสักครู่)….

แล้วบอกต่อว่า มูลค่าพอร์ตหุ้นปรับลงมาประมาณ 45-50%

ล่าสุด ตอนนี้เซียนฮง หันมาถือเงินสดมากกว่า 50%

เมื่อถามต่อว่า แล้วเงินสดที่ถือไว้ เตรียมรอซื้อหุ้นเพิ่มหรือเปล่า?

วิสัชนาของเซียนฮง คือ อาจไว้รอตอนที่ “ตลาดพัง”

ตลาดพัง ในที่นี้หมายถึงหรือดัชนีอาจจะปรับลงมาลึกที่ระดับ 1,100 จุด ซึ่งมองว่า หากเกิดสถานการณ์เช่นนั้น “หุ้นขนาดใหญ่” หลายตัวจะน่าสนใจ

“คือ…ดัชนีอาจจะลงมาไม่ถึง 1,100 จุดก็ได้” เซียนฮง บอก

ทว่า ในทางกลับกัน เขาก็บอกคล้ายกับว่า ก็ยังไม่เห็นประเด็นที่จะทำให้หุ้น (ไทย) ขึ้นต่อ (แรง ๆ) อีกได้ในขณะนี้

เมื่อถามต่อว่า แล้วกลุ่มหุ้นไหนที่ดูแล้วน่าสนใจ

เซียนฮง บอกว่า ตอนนี้เขาไม่ได้มองเป็นกลุ่ม แต่มองเป็นหุ้นรายตัว

เช่น หุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ บางหุ้นตามเก็บหนี้ได้ดี แต่บางหุ้นอาจจะไม่ดี ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสามรถในการบริหารของผู้บริหารหุ้นนั้น ๆ จึงไม่ได้มองเป็นกลุ่ม

ส่วนกลุ่มปิโตรเคมี ตอนนี้กำลังดูอยู่ว่ามาถึงจุด Bottom หรือยัง

หลังจากช่วงที่ผ่านมาราคาลงมาลึกมาก ๆ

ส่วนกลุ่มที่น่ากังวลคือ อสังหาริมทรัพย์ หลังพบตัวเลขจากโบรกฯ ที่เผยว่า จำนวนยูนิตที่สร้างออกมา และจำนวนการขายนั้น… จำนวนการขายกลับมียอดค่อนข้างต่ำ

จากตัวเลขตรงนี้ หุ้นอสังหาฯ น่าจะมีเงินที่จมกับโครงการอยู่พอสมควร

คือ มีแต่สินทรัพย์ที่ขายไม่ออก

และอาจจะส่งผลต่อการชำระหนี้หุ้นกู้ตามมา

สุดท้าย เซียนฮง บอกว่า ช่วงที่ผ่านมามีกลุ่มมิจฉาชีพ มาอ้างชื่อเขาไปเปิดกลุ่มโซเชียลต่าง ๆ เพื่อหลอกไปลงทุน และทำให้มีคนหลงเชื่อ แล้วเกิดความเสียหายจำนวนมาก

เขาบอกว่า เรื่องดังกล่าวได้แจ้งความไว้แล้ว

และขอย้ำว่า ตนไม่มีการเปิดกลุ่มโซเชียลใด ๆ ทั้งสิ้น

เว้นแต่การให้ข้อมูลผ่านสื่อหลัก ๆ เท่านั้น

Back to top button