ต้มแมงเม่า?

เดิมที “โมนิก้า” มีความหวังที่จะได้เห็นตลาดหุ้นฟื้นตัวอย่างจริงจัง เพราะผ่านเรื่องร้ายๆ มาเยอะพอสมควร และไม่น่าจะมีประเด็นอะไรที่ทำให้กังวลใจอีกต่อไป


เดิมที “โมนิก้า” มีความหวังที่จะได้เห็นตลาดหุ้นฟื้นตัวอย่างจริงจัง เพราะผ่านเรื่องร้าย ๆ มาเยอะพอสมควร และไม่น่าจะมีประเด็นอะไรที่ทำให้กังวลใจอีกต่อไป แต่สุดท้ายก็ต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้ง เมื่อตัวเลขเศรษฐกิจมันแย่กว่าที่คิดไว้มาก และประเด็นดังกล่าวกำลังกลับมาหลอกหลอนชนิดที่ไม่ทันตั้งตัว และดูเหมือนว่า ตลาดหุ้นจะตอบรับกับข่าวร้ายอย่างรวดเร็วเสียด้วยนะจ๊ะ

โดยเฉพาะประเด็นตัวเลข GDP ในช่วง 9 เดือนของปี 66 (ม.ค.-ก.ย.) ขยายตัวได้เพียง 1.9% และคาดการณ์ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจของไทยปี 66 อาจขยายตัวไม่ถึง 2% ทั้งที่สภาพัฒน์คาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 66 จะขยายตัว 2.5% ไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างแน่นอน เพราะมันหมายความว่า ไตรมาสสี่จะต้องขยายตัวอย่างน้อย 4.3% และเมื่อดูจากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาแบบนี้..ตายหยังเขียดแน่นอนเจ้าค่ะ

อีกหนึ่งไฮไลต์ก็คือ เขาเม้าท์กันว่า ตัวเลขเศรษฐกิจของไทยมีการขยายตัวต่ำสุดในเอเชีย จนถูกสื่อต่างประเทศมองเป็นคนป่วยของเอเชียไปเสียแล้ว และถ้าปล่อยให้เศรษฐกิจขยายตัวต่ำเรี่ยดินต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะเข้ากับทฤษฎีที่เรียกว่า “ต้มกบ” และมารู้ตัวอีกทีก็สายเกินแก้ไปเสียแล้ว “โมนิก้า” ถึงมองว่า นี่เป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาล “เสี่ยนิด” ต้องมุ่งมั่นในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจเสียที และอย่าหมกหมุ่นเรื่องแจกเงินดิจิทัลให้มากนะคะ

ประกอบกับปัญหาดังกล่าวมาจากการผลิตชะลอตัว อันเป็นผลมาจากคำสั่งซื้อสินค้าลดลงเรื่อย ๆ มันแสดงให้เห็นว่า ผู้คนไม่มีกำลังซื้อ เมื่อผนวกกับตัวเลขการส่งออกสินค้าที่มีลักษณะหดตัวต่อเนื่อง 3 ไตรมาส ก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก ๆ ในมุมของภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัวท่าไหน? และเรื่องนี้จะกลายเป็นแรงกดดันที่ส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นไทยไปอีกนาน เดี๊ยนถึงเกิดอาการห่อเหี่ยวขึ้นมาอีกครั้งพะย่ะค่ะ

เนื่องจากการยื้อของดัชนีในลักษณะเด้งขึ้นแรง หรือบางวันขยับขึ้น 3-4 จุด แต่สุดท้ายจบลงด้วยการโดนสาดทิ้ง มันเหมือนเป็นการหลอกเม่าให้ดีใจไปวัน ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ๆ สำหรับบรรดาเม่าที่ไหวตัวช้า และการทรุดตัวของดัชนีลงมาปิดที่ระดับ 1,414.15 จุด ลบไป 9.46 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.46 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นสัญญาณเตือนว่า จบรอบฟื้นตัวแล้วนะตัวเอง

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น HANA เพื่อชี้ให้เห็นว่า คอมพิวเตอร์เป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่หดหัว และเรื่องนี้อาจส่งผลกระทบรายได้ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญก็ได้ เดี๊ยนเลยอยากให้นักเล่นลองไปพิจารณาคร่าว ๆ ว่า การยืนปิดที่ระดับ 45.25 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 341 ล้านบาท มันเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวแค่ไหน? เพราะเดี๊ยนพูดตามสิ่งที่มันเกิดขึ้นจ้า

หุ้นอีกตัวที่นักเล่นต้องคิดหนักพอสมควร “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น COM7 ซึ่งถูกรินขายเป็นเวลานาน และถูกจัดหนักเป็นบางวัน แต่เผอิญช่วงนี้เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาได้เรื่อย ๆ เดี๊ยนเลยสงสัยว่า การยืนปิดที่ระดับ 23.10 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 0.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 288 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ควรเข้าไปช้อนหุ้นหรือเปล่า? หลังไตรมาส 3 กำไรลดอย่างมีนัยสำคัญน่ะซี

ในเมื่อเม้าท์ถึงกำลังซื้อลดเป็นประเด็นหลัก คงต้องเอ่ยถึงร้านสะดวกซื้ออย่าง CPALL เพื่อชี้ให้เห็นอาการโซซัดโซเซร่วมเดือน น่าจะเกิดจากความกังวลว่า ผลงานต่อจากนี้จะไม่โตเหมือนที่หวัง ผสานกับบรรดานักลงทุนสถาบันไม่อิน ราคาหุ้นถึงซึมกระทืออยู่ที่ระดับ 56 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 724 ล้านบาทแบบนี้..มันน่าเล่นหรือไง?

ตบท้ายกันที่เรื่อง CMO กันดีกว่า เพราะเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่มีเรื่องราวให้ขุดคุ้ยเยอะมากอีกตัวหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ จนสำนักงาน ก.ล.ต. สั่งให้บริษัททำ special audit แต่ฝั่งผู้บริหารแจ้งว่า สำนักงานอีวายต้องใช้เวลาตรวจสอบนาน เลยขอขยายเวลาส่งผลตรวจสอบไปเป็น 3 ม.ค. 67 แบบนี้..บันเทิงแน่นอน! เพราะตอนนี้คนเขาอยากรู้ว่า โทนี่ว่าไง? กิตติว่าไง? เสี่ยเต้ว่าไง?..หรือจะแบะ..แบะ กันทั้งหมด ก็บอกกันมาเลย..นักลงทุนจะได้ไม่ต้องรอเจ้าค่ะ 

Back to top button