กลุ่มแบงก์ปี 67

ล่าสุด หลักทรัพย์บัวหลวง ทำบทวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย ปี 2567 แบบเป็นรายกลุ่ม มาดูมุมมองหุ้นในกลุ่มธนาคารกัน มีการมองว่าธนาคารจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง


ล่าสุด หลักทรัพย์บัวหลวง ทำบทวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทย ปี 2567 แบบเป็นรายกลุ่ม

มาดูมุมมองหุ้นในกลุ่มธนาคารกัน

มีการมองว่าธนาคารจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

ธนาคารไทยจะได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2567 โดยคาดเติบโตของจีดีพีไทยอยู่ที่ 2.7% ในปี 2566 และ 3.8% ในปี 2567

ปัจจุบันหนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค

การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะได้รับแรงหนุนโดยตรงจากมาตรการกระตุ้นใหม่ เช่น โครงการ Easy E-Receipt และทางอ้อมจากการท่องเที่ยวขาเข้าที่เพิ่มขึ้น

การลงทุนจากภาครัฐและเอกชนจะเพิ่มขึ้นในปี 2567

โครงการโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะใหม่มูลค่า 5.51 แสนล้านบาทมีกำหนดเปิดประมูลในไตรมาส 4/2566-2567

ปัจจัยดังกล่าว จะหนุน อุปสงค์เงินทุนหมุนเวียน (บริษัท) และสินเชื่อ

Net interest Margin หรือ NIM ของกลุ่มธนาคารมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และการตั้งสำรองลดลงในปี 2567

โดยคาด NIM ปี 2567 ของกลุ่มธนาคารที่บล.บัวหลวงให้แนะนำอยู่ที่ 3.47% หนุนโดยอัตราการซื้อคืนพันธบัตร หนึ่งวันของแบงก์ชาติ ในปัจจุบันที่ 2.5% ซึ่งสูงสุดในรอบ 9 ปี

และมองว่าอัตราการซื้อคืนถึงจุดสูงสุดแล้ว แต่คาดว่าจะยังคงอยู่ที่ระดับเดิมไปจนถึงครั้งแรกของปี 2567

NIM เฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่บัวหลวงให้คำแนะนำมีแนวโน้มที่จะถึงจุดสูงสุดในไตรมาส 4/2566

และคงระดับดังกล่าวไว้จนถึงครึ่งแรกของปี 2567 จากนั้นจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยในครึ่งหลังของปี 2567 จากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น (เมื่อเงินฝากประจำระยะยาวครบกำหนด ลูกค้าจะนำไปลงทุนซ้ำในเงินฝากประจำแบบใหม่ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น)

คุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่มฯ ปรับตัวดีขึ้นในปี 2567

สาเหตุจากแรงหนุนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วขึ้นและการคัดกรองการขอสินเชื่อของธนาคารที่เข้มงวดมากขึ้น 

ส่วนตั้งสำรองของกลุ่มธนาคาร เฉลี่ยอยู่ที่ 1.52% ในปี 2567 ลดลงเล็กน้อยจากปี 2566

สัดส่วนหนี้สินด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม ของธนาคารเฉลี่ยลดลงจาก 2.99% ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2566 มาอยู่ที่ 2.95% ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2566

อัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้เสียของธนาคารเพิ่มจาก 181.0% ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2566 มาอยู่ที่ 187.3% ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2566

ตัวเลขทั้งหมดนี้เป็นเครื่องชี้วัดว่าคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในเกณฑ์ดี

ทว่า บัวหลวง ได้ปรับลดน้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารจาก “มากกว่าตลาด” เป็น “เท่ากับตลาด”

เนื่องจากอัตรากำไรซื้อคืนพันธบัตร หนึ่งวันของแบงก์ชาติถึงจุดพีกแล้ว

นอกจากนี้ การเติบโตของกำไรสุทธิกลุ่มธนาคารจะชะลอตัวลงสู่ระดับปกติที่ 8% ในปี 2567

ธนาคารทั้ง 7 แห่งที่ให้คำแนะนำ มี PER ปี 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 7.4 เท่า และ PBV ณ สิ้นปี 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 0.8 เท่า

ขณะที่คาด ROE ปี 2567 ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 8.9%

ส่งผลให้อัตราส่วน PBV/ROE อยู่ที่ 0.072 ถือว่าถูก

นอกจากนี้ยังคาดว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยจะมากกว่า 5% ในปี 2567

Back to top button