ORI-PSH ผนึกเชิงกลยุทธ์.!

หลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด จะเห็นว่ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีการขยับตัวเยอะขึ้น โดยเฉพาะการปรับกลยุทธ์ธุรกิจ


หลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด จะเห็นว่ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีการขยับตัวเยอะขึ้น โดยเฉพาะการปรับกลยุทธ์ธุรกิจ อย่างเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ก็เห็นปรากฏการณ์ผู้ประกอบการอสังหาฯ หลาย ๆ ค่ายไปจับกับเจ้าของที่ดิน หรือแลนด์ลอร์ด เพื่อตั้งบริษัทร่วมทุนในการพัฒนาโครงการแล้วขาย…

พอมาต้นปีนี้ เห็นผู้ประกอบการอสังหาฯ หันมาจูบปากกัน…อุ๊ย มาจับกันเอง ที่เห็นชัดก็กรณีบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ของ “เจ้าสัวทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์” กับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ของ “เฮียพีระพงศ์ จรูญเอก” ซึ่งทั้งคู่เป็นอสังหาฯ ระดับท็อป 10 ที่มาจับมือกันปั้น 3 โปรเจกต์ มูลค่าโครงการรวม 8,700 ล้านบาท

แต่ละโปรเจกต์ก็มีความชัดเจน โดยโปรเจกต์แรกเป็นการร่วมทุนระหว่าง PSH กับ ORI ผ่านบริษัทลูก บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด (มหาชน) หรือ ONEO ตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ “บริษัท วัน ออริจิ้น สมุย เฉวง บีช 1 จำกัด” เพื่อพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วย โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และศูนย์บริการด้านสุขภาพ ทำเลสุขุมวิท มูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท จะเปิดขายในช่วงปลายปี 2570

โปรเจกต์ที่สอง PSH ร่วมทุนกับ ORI ผ่านบริษัทลูกที่ชื่อบริษัท พาร์ค ลักชัวรี่ จำกัด หรือ PARK ตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ “บริษัท พาร์ค ลักชัวรี่ เอสพี 1 จำกัด” เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียม ย่านพหลโยธิน มูลค่าโครงการประมาณ 2,800 ล้านบาท จะเปิดขายในช่วงต้นปี 2568

ส่วนโปรเจกต์สุดท้าย PSH ร่วมทุนกับบริษัทลูกของ ORI ที่ชื่อบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ “บริษัท บริทาเนีย เอสพีวี 16 จำกัด” พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม ย่านเพชรเกษม มูลค่าโครงการประมาณ 980 ล้านบาท จะเปิดขายในช่วงต้นปี 2568

ทั้ง 3 โปรเจกต์ PSH กับ ORI จะถือหุ้นกันคนละครึ่ง โดยจะเริ่มก่อสร้างช่วงปลายปี 2567

สร้างความฮือฮาทั้งในแวดวงอสังหาฯ และตลาดทุน…เพราะไม่มีใครคาดคิดว่า PSH กับ ORI ซึ่งเดิมเป็นเส้นขนาน (คู่แข่งทางธุรกิจ) จะมีจุดตัดร่วมกันได้..!!

ที่น่าสนใจ PSH ซึ่งเป็นอสังหาฯ ยุคกลาง มีความโดดเด่นด้านการก่อสร้าง คุมต้นทุนได้ค่อนข้างดี…เคยเป็นอดีตดาวรุ่ง (ถ้าเปรียบตอนนี้น่าจะเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว) ถ้าสังเกตในช่วง 4-5 ปีมานี้ ค่อนข้างเงียบ การเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ ไม่หวือหวาเท่าที่ควร ครั้นไปดูสถานะทางการเงิน ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 แม้มีสินทรัพย์เยอะ แต่ต้องรอการขาย (สต๊อกเหลือบาน) ส่วนเงินสดในกระเป๋าก็มีไม่มาก…ถ้าจะขยับเอง ดูทรงแล้วคงเหนื่อย จึงต้องหาพันธมิตรมาร่วมแบก…

เลยเป็นที่มาของการไปจับกับ ORI ซึ่งเป็นอสังหาฯ ยุคใหม่ที่กำลังท็อปฟอร์ม มีความเก่งกาจด้านการขายและบริการหลังการขาย…โดยช่วง 4-5 ปีมานี้ถือเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง แตกลูกแตกหลานออกไปเยอะแยะ จะมีความได้เปรียบตรงที่มีฐานทุนแข็งแกร่ง มีเงินในหน้าตักเยอะ จากการเพิ่งสปินออฟสองบริษัทลูกเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ…

การโคจรมาเจอของทั้งคู่ จึงถือเป็นการปิดจุดอ่อน…เสริมจุดโตของกันและกัน..!!

แต่ ORI น่าจะได้อีกขา จากงานบริหารนิติบุคคลของ 3 โปรเจกต์ ผ่านบริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เช่น การบริหารนิติบุคคลอาคารชุด อยู่แล้ว…เชื่อเถอะ ORI คงไม่กินยาผิดซองโยนให้คนอื่นไปทำหรอก…จริงมั้ย

เอาล่ะ 3 โปรเจกต์นี้ อาจแค่สารตั้งต้นของการผนึกกำลังในเชิงกลยุทธ์เท่านั้น หลังจากนี้น่าจะมีโปรเจกต์อื่น ๆ ตามมา หรืออาจเห็นการ Synergy ระหว่าง PSH กับ ORI ในรูปแบบอื่นก็ได้…(ว่าไปแล้ว ORI ก็เคยสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการซื้อคอนโดหรูใจกลางเมืองอย่าง Park 24 จาก “ตระกูลลิปตพัลลภ” มาแล้ว)

รู้นะแอบคิดอะไรกันอยู่..??

…อิ อิ อิ…

Back to top button