การกลับมาของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

สื่อพาดหัวพร้อมกันทุกฉบับว่า พิธา เหมือนเกิดใหม่ในสภาผู้แทนราษฎร หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 ให้อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลปฏิบัติหน้าที่ สส. ต่อไปได้


สื่อพาดหัวพร้อมกันทุกฉบับว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เหมือนเกิดใหม่ในสภาผู้แทนราษฎร หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 ให้อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ต่อไปได้ โดยพ้นบ่วงคดีถือหุ้นไอทีวี

คำวินิจฉัย มีสาระสำคัญว่า พิธา ถือหุ้นใน บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จริง! จนถึงวันรับสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ แต่ “ไอทีวี” ไม่ได้ประกอบกิจการสื่อมวลชน ไม่มีรายได้จากการประกอบกิจการสื่อมวลชน

คำกล่าวอ้างของศาลรัฐธรรมนูญในคดีนี้ เป็นไปตามคำโต้แย้งของฝ่ายนายพิธาตั้งแต่เริ่มต้นซึ่งเสมือนกับว่าเหตุผลของศาลรัฐธรรมนูญนั้นมีไว้เพื่อไม่ให้นายพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้นเอง ไม่ว่าจะพิจารณาในมุมไหนการชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่สส.จึงเป็นการชี้ขาดทางการเมืองแบบสมคบคิด เพราะหลังจากคำวินิจฉัยครั้งแรกออกมาพรรคก้าวไกลซึ่งมีสมาชิกมากเป็นอันดับหนึ่งได้ถูกเขี่ยไปเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งทำให้ฐานะของนายพิธาหลังการกลับมาดำรงตำแหน่งสส.ครั้งนี้จึงมีตำแหน่งเป็นเพียงหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านเท่านั้นเองเพราะมีการตั้งรัฐบาลไปแล้วไม่สามารถทวงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคืนได้

ข้อเท็จจริงดังกล่าวค่อนข้างคล้ายกับพรรคประชาธิปัตย์หลังการเลือกตั้งปี 2517 ที่ได้คะแนนเสียงข้างมากแต่ตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จด้วยอิทธิฤทธิ์ของซือแป๋ซอยสวนพลู (มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช) ที่มีคะแนนเสียงแค่ 18 เสียง

บทเรียนครั้งนี้จะทำให้พรรคก้าวไกลมีความสุขุมรอบคอบมากขึ้นในเกมการเมืองแบบไทย ๆ ที่มีสว.350 เสียงที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งแต่สามารถล้มหรือตั้งรัฐบาลได้อย่างชุบมือเปิบหน้าด้าน ๆ

กระบวนวิธีการของพรรคก้าวไกลจึงต้องยืนหยัดกับจุดยืนของพรรคและวาดหวังว่าประชาชนจะตาสว่างเลือกพรรคก้าวไกลมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งต่อไปในอีก 3-4 ปีข้างหน้า เพื่อให้ได้คะแนนเสียงข้างมากซึ่งต้องไม่ต่ำกว่า 400 เสียง โดยสามารถเสริมแรงสมาชิกพรรคให้มีคุณภาพสูงขึ้นและรักษาความเข้มแข็งของคนในพรรคไม่ให้กลายเป็นงูเห่า และทำให้ประชาชนมองเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องมีพรรคการเมืองที่มีนโยบายก้าวหน้าเพื่อทำให้การเมืองพ้นจากวังวนน้ำเน่าแบบที่นักเลือกตั้งกระทำกันอยู่ในปัจจุบันและอดีต

บทเรียนจากการถูกยัดคดีของนายพิธาและนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เรื่องการเป็นเจ้าของสื่อซึ่งไม่เป็นความจริงเลย น่าจะทำให้สังคมไทยตระหนักถึงการทำลายล้างผู้เข้าสู่การเมืองที่มีเจตนาอันดีผ่านการเลือกตั้งแบบเปิด

ถึงแม้ว่าครั้งนี้พรรคก้าวไกลจะไม่ได้เป็นรัฐบาลแต่เชื่อเหลือเกินว่าการรักษาความดีของอุดมการณ์ด้วยความอดกลั้นและอดทนน่าจะทำให้พรรคนี้สร้างกระแสสังคมใหม่ได้ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคมากมายที่ขัดขวางรออยู่ข้างหน้า หากพรรคยังเชื่อมั่นในยุทธศาสตร์ในระบบการเมืองแบบเปิดไม่อ่อนไหวไปกับประเด็นเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยดูตัวอย่างการต่อสู้ของนักประชาธิปไตยในอินเดีย เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นต้นแบบของประเทศที่มีการเมืองแบบทุนนิยมที่คอยขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวไปข้างหน้าท่ามกลางมรสุมที่รุมเร้าอยู่รอบด้าน และแม้ว่าเส้นทางประชาธิปไตยจะมีอุปสรรคขวางหน้ามากมาย  

ทั้งนี้เพราะว่าเส้นทางเลือกของนักประชาธิปไตยนั้นไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบอยู่แล้ว บางครั้งก็มีต้นทุนที่แสนแพง และเส้นทางแห่งเสรีภาพของปวงชนนั้นยากลำบากเสมอ

Back to top button