มีข่าวดี..หุ้นไม่วิ่ง

สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยหลังตรุษจีนทำไมถึงหงอยเหงาเหลือเกิน ทั้งที่หลายคนมองว่า มีข่าวดีเข้ามาซัพพอร์ตเยอะแยะไปหมด


สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยหลังตรุษจีนทำไมถึงหงอยเหงาเหลือเกิน ทั้งที่หลายคนมองว่า มีข่าวดีเข้ามาซัพพอร์ตเยอะแยะไปหมด แต่เอาเข้าจริงดันกลายเป็นว่า ดัชนีก็แกว่งตัวในช่วงแคบ ๆ แถมวอลุ่มซื้อขายก็หดตัว ขณะที่แมงเม่าได้แต่เกาหัวแบบงง ๆ ซึ่งสร้างแรงกดดันให้กับนักลงทุนแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมหุ้นที่ทำให้นักลงทุนขยับตัวยากขึ้นอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ

เนื่องจากหุ้นใหญ่ติดกับดักสถาบันเริ่มไม่เล่น ส่วนหุ้นขนาดกลางก็ไม่มีสตอรี่ใหม่ ๆ จะเหลือก็แต่หุ้นเล็กที่ขึ้นมาสร้างสีสันแบบวูบวาบ วานนี้ถึงลงเอยด้วยการยืนปิดที่ระดับ 1,389.30 จุด บวกไป 0.93 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.50 หมื่นล้านบาท ด้วยอารมณ์แบบเซ็ง ๆ เพราะเป็นอีกวันที่บรรยากาศการซื้อขายค่อนข้างซบเซา จึงภาวนาให้วันนี้บรรยากาศการลงทุนกลับมาคึกคักอีกครั้งไงล่ะคะ

โดยเฉพาะในรายของ CPALL แสดงท่าทีอ่อนแรงให้เห็นหลายวันแบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับคนที่จะเข้าไปช้อนหุ้น เพราะเมื่อดูจากสภาพตลาดหุ้น และสภาพเศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งสภาพนักลงทุนสถาบัน มันไม่มีประเด็นไหนที่ทำให้เชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 53.75 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 530 ล้านบาท มันคือจุดเด้งของหุ้นน่ะซี

เหมือนกับในรายของแบงก์สีเขียว KBANK ออกอาการย่ำแย่เป็นเวลานาน และส่อแววจะอยู่ในลักษณะย่ำแย่ต่อไปอีกนานแบบนี้ “โมนิก้า” มองว่า ไม่ใช่จุดที่นักลงทุนต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยง เพราะยังมีประเด็นที่สังคมคาใจเกี่ยวกับขั้นตอนขายหุ้นกู้สตาร์ค หรือแม้กระทั่งขั้นตอนการโอนเงินไปยังบุคคลต่าง ๆ มันคือความเสื่อมที่แบงก์ต้องออกมากอบกู้ความเชื่อมั่นโดยเร็ว และทำให้การยืนปิดที่ 121 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 1.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 560 ล้านบาท ยังไม่มีความหมายใด ๆ กับตัวอีฉันนะจ๊ะ

ขนาดหุ้นขายไก่ขายหมู CPF ซึ่งใครก็พูดเป็นเสียงเดียวว่า แข็งปึ้ก! แต่สุดท้ายก็ร่วงเป็นนกปีกหักเป็นปี “โมนิก้า” เลยสงสัยว่า การทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 18.20 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 2.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 425 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริเวณฐานเก่าที่หุ้นชอบเด้งกลับเป็นประจำแบบนี้ เดี๊ยนมองเป็นเกมวัดดวงสำหรับคนชอบทำตัวเป็นชาวสวน และไม่ขอแสดงความคิดเห็นนอกเหนือจากนี้แล้วกัน..อิอิอิ

คล้ายกับกรณีของ XPG ก็มีข่าวดีเกี่ยวกับคริปโตออกมาเป็นระลอก แต่ราคาหุ้นก็ยังขยับไปได้ไม่ไกล แถมในแต่ละวันที่จะขึ้นสักที ก็สุดแสนจะยากลำบาก “โมนิก้า” จึงขอฉายภาพกว้าง ๆ ให้ขาลุยได้เห็นว่า เที่ยวก่อนหุ้นก็ไปได้แค่ระดับ 1.40 บาท ขณะที่ฐานแนวรับที่คอยพยุงหุ้นก็ยังอยู่ที่ 1 บาท เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 1.19 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 4.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 126 ล้านบาท น่าเสี่ยงดูสักตั้งไหมเอ่ย?

ผิดกับในรายของโรงไฟฟ้าขนาดเล็กจอมพลังอย่างหุ้น TGE อย่างสิ้นเชิง เพราะรายนี้เก็บไฟทีละ 8-9 เมกฯ เข้ามาเรื่อย ๆ และทุกคนได้เห็นกันเต็มลูกตาว่า ปี 68 จะโตอย่างมีนัยสำคัญ และในปี 69 ก็จะโตอีก “โมนิก้า” เลยไม่รู้สึกขัดใจเมื่อเห็นหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ 3.32 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 9.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 127 ล้านบาท เพราะทุกคนรู้เหมือนกันว่า หุ้นยังมีแก๊ปให้วิ่งได้อีกเยอะพะย่ะค่ะ

ส่วนรายที่เคลียร์หลังบ้านเสร็จสิ้น และเริ่มเซตเกมรอบใหม่อีกครั้ง “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น PSP เป็นรายถัดมาแบบไม่ลังเลใจ เพราะการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 5.65 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 8.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 103 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง มันมีความหมายมากกว่าสิ่งที่เห็นอย่างแน่นอน และทำให้เชื่อว่า หุ้นจะขึ้นไปยืนเหนือไอพีโอที่ระดับ 6.20 บาทในเร็ว ๆ นี้นะจะบอกให้

ประเด็นข้างต้นเทียบเคียงได้กับหุ้น MCA ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 3.92 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 21.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 537 ล้านบาท พร้อมกับยืนเหนือไอพีโอที่ระดับ 3.30 บาทเป็นครั้งแรกแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของการเล่นตามน้ำแบบไม่ต้องอิดออด เพราะวันนี้ไม่ต้องกลัวก๊วนเจ้ามือจะหักหลังกันเองเหมือนในอดีต ขณะเดียวกันก็มีเรื่องกำไรโตเป็นแบ็กอัพแบบนี้..น่าลุยต่อไหมล่ะ

Back to top button