TQM ไม่โดด..แต่เด่น.!

แว๊บแรกที่เห็นงบงวดปี 2566 ของบริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) หรือ TQM ของ “กลุ่มพรรณนิภา” ก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไร..!?


แว๊บแรกที่เห็นงบงวดปี 2566 ของบริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) หรือ TQM ของ “กลุ่มพรรณนิภา” ก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไร..!? โดยรายงานกำไรสุทธิ 816.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 809.3 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,756.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีรายได้รวม 3,726.9 ล้านบาท

เรียกว่าแทบไม่โตเสียด้วยซ้ำ…

แต่ก็ไม่ได้น่าประหลาดใจหรอกนะ เพราะเป็นไปตามคุณลักษณะของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับประกันที่จะไม่ค่อยเห็นการเติบโตหวือหวา ยกเว้นกรณีพิเศษช่วงเกิดวิกฤตโควิด ที่ทำให้คนแตกตื่นแห่แหนกันมาซื้อประกันสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้งบปี 2563 กำไรสุทธิโตกระฉูดไปแตะ 702 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่ทำได้ 507.23 ล้านบาท ส่วนปี 2564 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 890.43 ล้านบาท ก่อนจะย่อตัวลงมาในปี 2565 ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 809.29 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ทำให้คนซื้อประกันสุขภาพลดลง

ดังนั้น ในช่วงสถานการณ์ปกติกำไรจะไม่โดดเด่น…แต่ก็ไม่ได้ด้อยนะ..!!

ทำให้คาแรกเตอร์ของหุ้น TQM อาจไม่เหมาะกับสายเก็ง (กำไร) แต่เหมาะกับสายปัน (ถือยาวเพื่อรอรับเงินปันผล) มากกว่า…

สาเหตุเพราะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ดิวิเดนด์ยีลด์เฉลี่ยอยู่ที่ 3-4% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการนำเงินไปฝากแบงก์ หรือลงทุนในพันธบัตรเห็น ๆ…

โดยแต่ละปี TQM จะจ่ายปันผล 2 ครั้ง อย่างงวดปี 2566 ล่าสุดเคาะจ่ายปันผลในช่วงครึ่งปีหลังอีกในอัตราหุ้นละ 50 สตางค์ โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 12 มี.ค.นี้ และกำหนดจ่ายในวันที่ 10 พ.ค. 2567 เมื่อรวมกับงวดครึ่งแรกปี 2566 ที่จ่ายไปแล้ว 50 สตางค์ รวมเป็น 1 บาท คิดเป็นดิวิเดนด์ยีลด์ทั้งปีอยู่ที่ 3.81% เชียวนะ

ขณะที่ จุดเด่นอีกอย่าง ด้วย TQM ซึ่งรับบทเป็นนายหน้าขายประกันให้กับบริษัทประกันต่าง ๆ (ปัจจุบันยกสถานะขึ้นเป็นโฮลดิ้งคอมปานี แล้วไปถือหุ้นในบริษัทอื่นที่ให้บริการนายหน้าประกันแทน) จึงมีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากโมเดลธุรกิจจะขายประกัน แล้วกินค่าฟี ทำให้ไม่มีความเสี่ยงเหมือนบริษัทประกันทั่ว ๆ ไป

เห็นได้จากช่วงโควิด บริษัทประกันหลาย ๆ แห่ง ผลประกอบการเละเทะ บางบริษัทถึงขั้นเจ๊งเลยก็มี เพราะต้องแบกค่าใช้จ่ายยอดเคลมประกันที่สูงลิบลิ่ว ต้องตั้งสำรองในงบการเงินบานเบอะ ในขณะที่ TQM ลอยลำ…ทำหน้าที่เป็นนายหน้าขายประกันอย่างเดียว ทำให้ต้นทุนไม่สูง ผลประกอบการเลยออกมาดีอย่างที่เห็น…

ความเสี่ยงของธุรกิจก็อาจมีแค่เรื่องการจัดแพ็กเกจให้โดนใจลูกค้า (ละมั้ง)..?? ซึ่งถ้าโดนก็ดีไป แต่ถ้าไม่ตอบโจทย์ ก็อาจจะขายประกันยากหน่อย…ก็เท่านั้น

หันไปดูความสามารถในการทำกำไรก็ไม่เลวนะ สะท้อนได้จากอัตรากำไรสุทธิที่อยู่ระดับเกิน 20% โดยในปี 2566 มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 22.88%

เอาเป็นว่า แม้กำไรจะไม่ได้โตก้าวกระโดด…แต่ TQM ก็มีความโดดเด่นเฉพาะตัวนะ..!! หากจะมีติดพอร์ตไว้ก็คงไม่เสียหายกระไร..?

ดังนั้น ถ้าใครใคร่จะซื้อก็ซื้อ…ส่วนใครใคร่จะขายก็ขาย

…เลือกที่สบายใจละกัน…

…อิ อิ อิ…

Back to top button