
MTC ผูกหนี้-แก้หนี้.!
ในช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจไฟแนนซ์โดยเฉพาะไฮเพอร์เชส เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้รายได้ของคนฐานรากซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักปรับลดลง...
ในช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจไฟแนนซ์โดยเฉพาะไฮเพอร์เชส เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้รายได้ของคนฐานรากซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักปรับลดลง…ไม่เหมือนเมื่อหลายปีก่อนที่เศรษฐกิจยังโตดี บริษัทพวกนี้ก็อู้ฟู่ปั๊มกำไรกันโครม ๆ ปีหนึ่ง ๆ โตไม่ต่ำกว่า 30% มาวันนี้บริษัทไหนโตได้สัก 20% ก็ถือว่าเก่งแล้ว..!?
แต่สิ่งที่ตามมาของกลุ่มไฟแนนซ์ คือ ภาระหนี้สิน เนื่องจากโมเดลธุรกิจจะเป็นการไปกู้เงินมาเพื่อนำไปปล่อยกู้ต่อ แล้วกินส่วนต่างจากอัตราดอกเบี้ย ช่องทางในการก่อหนี้หลัก ๆ มีทั้งการไปขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน และการออกหุ้นกู้ ทำให้มีหนี้สะสมมาเรื่อย ๆ ซึ่งจำเป็นต้องทำ…
ทว่าในช่วง 2-3 ปีมานี้ อัตราการปล่อยกู้ของกลุ่มไฟแนนซ์เริ่มชะลอ ปล่อยกู้ได้น้อยลง ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นรายได้หลักลดลงเช่นกัน แต่ที่ไม่ลดคงเป็นภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ยังต้องจ่ายสม่ำเสมอ
พอเจอภาระหนี้ที่ต้องจ่ายในแต่ละปีพอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ มีการรีไฟแนนซ์ ประจวบเหมาะกับเป็นช่วงอัตราดอกเบี้ยขาลง…
อย่างล่าสุดบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ก็ฉวยจังหวะออกหุ้นกู้ประเภททยอยชำระคืนเงินต้น (Amortising Notes) ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน (Senior and Unsecured Notes) มูลค่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อายุ 5 ปีนับจากวันออกหุ้นกู้ (21 ก.ค. 2568) อัตราดอกเบี้ยคงที่ 7.550% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 6 เดือน คือ ทุกวันที่ 21 มกราคม และวันที่ 21 กรกฎาคม ของทุกปี เริ่มต้นชำระดอกเบี้ยครั้งแรกในวันที่ 21 มกราคม 2569 โดยเสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันในต่างประเทศทั้งจำนวน
ต้องบอกว่า MTC เป็นไฟแนนซ์ที่หาญกล้าออกหุ้นกู้ก้อนใหญ่ขนาดนี้นะเนี่ย เพราะถ้าคิดเป็นเงินไทยที่ค่าเงินบาท 32 บาท จะมีมูลค่าสูงถึง 11,200 ล้านบาทเลยทีเดียว..!!
เรียกว่า มูลค่าเยอะ แต่อายุสั้น (แค่ 5 ปี) เท่านั้น…
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไม MTC ต้องเล่นใหญ่…ออกหุ้นกู้ชุดใหญ่ขนาดนี้..??
ถ้าดูความจำเป็นของ MTC จากงบ ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 ซึ่งมีส่วนของหนี้สินระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีสูงถึง 43,412.85 ล้านบาท ในจำนวนนี้แบ่งเป็นหนี้สถาบันการเงิน 14,367.46 ล้านบาท และหนี้หุ้นกู้อีก 29,045.40 ล้านบาท…
โอเค…บางคนอาจจะเถียงว่า ที่เห็น MTC หนี้เยอะอย่างนี้ เป็นปกติของธุรกิจไฟแนนซ์ เนื่องจากโมเดลธุรกิจต้องไปกู้เงินมา หรือออกหุ้นกู้ เพื่อปล่อยกู้ต่อ…
อันนั้นก็ใช่…แต่อีกมุมหนึ่งบ่งบอกถึงสถานะการเงินที่ค่อนข้างตึงของ MTC สงสัยจะไปกู้แบงก์คงไม่ได้แล้ว…วงเงินเต็ม ครั้นจะไปออกหุ้นกู้ขายนักลงทุนในประเทศ อาจจะขายยากหรือเปล่า..?? เลยต้องหันไปพึ่งพาการออกหุ้นกู้ขายสถาบันในต่างประเทศแทน
แค่เฉพาะหน้าวันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม 2568 ก็มีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอน 1 ชุด มูลค่า 1,866 ล้านบาท แล้วนะ…ไม่รวมหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนสิงหาคม กันยายน ตุลาคม และเดือนต่อ ๆ ไปอีกก้อนโต…
ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ว่าการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ ก็เพื่อตอบโจทย์การรีไฟแนนซ์ โดย 40% จะนำไป Rollover หุ้นกู้ชุดเดิม ส่วนอีก 60% เก็บเป็นกระสุนไว้ปล่อยกู้ต่อ…
ก็เข้าใจแหละว่า MTC มีความจำเป็นต้องทำ เพราะหากปล่อยให้หนี้พอกพูนไปเรื่อย ๆ โดยที่วันนี้ไม่ทำอะไรเลย สิ่งที่ตามมาจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) อยู่ในระดับสูง (ปัจจุบัน D/E อยู่ที่ 3.51 เท่า) จะไปกู้เงินเพิ่มก็ยากขึ้น และหากเศรษฐกิจกลับมาดี ก็จะเสียโอกาสในแง่ของการไปกู้มาเพื่อไปปล่อยกู้ต่อ…
ด้วยภาวะจำเป็นและจำยอม เลยทำให้ MTC ต้องจำใจผูกหนี้…เพื่อแก้หนี้นั่นเอง…
แต่สิ่งที่ต้องพึงระวัง คือไม่ปล่อยให้วงจรนี้สะดุด…เพราะหากเกิดสะดุดขึ้นมา ถึงตอนนั้นก็โกยเถอะโยม…
…อิ อิ อิ…