
สังคมข่าวหุ้น
นับจากวันที่ 7 ก.ค. จนถึง 23 ก.ค.ที่ผ่านมา หุ้นไทยขึ้นมาแล้วประมาณ 100 จุด ทำให้วานนี้ไปต่อไม่ไหว บวกกับมีเซนติเมนต์เชิงลบกรณีการปะทะกันของทหารไทยกับกัมพูชา
นับจากวันที่ 7 ก.ค. 2568 จนถึง 23 ก.ค.ที่ผ่านมา หุ้นไทยขึ้นมาแล้วประมาณ 100 จุด ทำให้วานนี้ไปต่อไม่ไหว บวกกับมีเซนติเมนต์เชิงลบกรณีการปะทะกันของทหารไทยกับกัมพูชา หรือเขมร บริเวณชายแดน ทำให้นักลงทุนมีการปรับพอร์ตลดความเสี่ยง และหุ้นที่เข้าไปลงทุนในเขมรปรับลดลง เช่น CBG SAV OR แม้สัดส่วนรายได้จะไม่มากนักเมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมด แต่นักลงทุนต้องปรับพอร์ตเพื่อความสบายใจไว้นั่นแหละ
กัลฟ์ฯ GULF ผ่านแนวต้าน 45.50 บาท ขึ้นมาจนได้ หลังจากขึ้นมาทดสอบอยู่หลายครั้ง ส่วนแนวต้านถัดไปคือ บริเวณ 47.50 บาท ซึ่งวานนี้ขึ้นมาที่ระดับ 45.25 บาท ก่อนจะย่อตัวลงไป ส่วนระดับ 45.25 บาท พลิกกลับมาเป็นแนวรับ และเชื่อว่าน่าจะหลุดยาก เพราะปัจจัยบวกเข้ามาหนุนค่อนข้างมากสำหรับหุ้นกัลฟ์ฯ ในช่วงเวลานี้ ส่วนการจ่ายเงินปันผล ต้องมาลุ้นกันว่า หลังควบกับอินทัชแล้ว จะปันผลสูงเหมือนกับอินทัชหรือไม่ ซึ่งทางกลุ่มกองทุนกำลังรอความชัดเจนอยู่
แบงก์กรุงไทย หรือ KTB ราคาที่ลงมาก่อนหน้านี้บริเวณ 21.00-21.10 บาท บอกแล้วว่า น่าจะเข้าเก็บ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว ราคาไม่ควรหลุด 21.00 บาท งบไตรมาส 2 ที่ออกมา กำไร 1.1 หมื่นล้านบาท ดีกว่าที่ตลาดคาด เอ็นพีแอลปรับลดลง ส่วนเงินกองทุนเข้มแข็งขึ้น ความเสี่ยงของพอร์ตสินเชื่อค่อนข้างต่ำ เพราะสินเชื่อส่วนใหญ่เป็นภาครัฐ ส่วนรายย่อย จะเป็นข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และกลุ่มลูกค้าที่มีเงินเดือนเข้า KTB ขณะที่ยีลด์ปันผล ณ ราคา 21.80 บาท จะอยู่ที่ประมาณ 7% ส่วนไตรมาส 3 นี้ การบินไทย กลับเข้าเทรด จะส่งผลให้หนี้ที่เคยอยู่สเตท 3 พลิกกลับมาเป็นหนี้จัดชั้นปกติ เอ็นพีแอลน่าจะลดลงได้อีก ส่วนที่สำรองไปแล้ว เข้าใจว่าทางกรุงไทย คงต้องสำรองเผื่อไปเลย ไม่น่าจะพลิกกลับมาเป็นรายได้หรือกำไรอะไร
คาราบาว กรุ๊ป CBG สำหรับราคาหุ้นนั้น ลงแล้ว ลงอยู่ ลงต่อ อย่างวันก่อนที่ดัชนีหุ้นไทยขึ้นมา 27.87 จุด หุ้นในกลุ่ม SET50 บวก 48 หุ้น ไม่เปลี่ยนแปลง 1 หุ้น คือ PTT และลง 1 หุ้น คือ CBG โดย CBG มีสัดส่วนรายได้ในเขมรประมาณ 13% โดยเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ราคาหุ้นที่ขึ้นมาต่อเนื่อง ขึ้นมาชนแนวต้าน บริเวณ 57.50-58.00 บาท แล้วไม่ผ่าน และมาเผชิญกับปัจจัยลบเรื่องเขมรอีก แนวรับแรกคือ 54.00 บาท และถัดไป ระดับ 52.75 บาท ส่วนแนวรับสุดท้าย 47.75 บาท
ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง บอกว่า “วิทัย รัตนากร” เตรียมลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสินในวันศุกร์นี้ (25 ก.ค. 2568) เพื่อเข้าไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วันที่ 1 ต.ค. 2568 ส่วนทางคลังได้ตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสินคนใหม่แล้ว มี “วินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ” เป็นประธาน และจะเร่งกระบวนการสรรหาโดยเร็วที่สุด ส่วนขั้นตอนการแต่งตั้งผู้ว่า ธปท.อยู่ในช่วงระหว่างการทูลเกล้าฯ ผู้ได้รับการแต่งตั้งต้องลาออกจากตำแหน่งเดิมให้เรียบร้อยก่อน
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ปรับลดเป้าผลิตรถยนต์ปี 2568 ลง 50,000 คัน จากเดิม 1,500,000 คัน เป็น 1,450,000 คัน เป็นการปรับเป้าเฉพาะผลิตเพื่อส่งออก จาก 1,000,000 คัน เป็น 950,000 คัน ล่าสุดเดือน มิ.ย. ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป อยู่ที่ 88,085 คัน ลดลง 1.11% จากเดือน มิ.ย. 2567 มีมูลค่าการส่งออก 57,439.52 ล้านบาท ลดลง 8.97% จากเดือน มิ.ย. 2567 จากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าชะลอตัวลงจากผลกระทบเรื่องมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 459,357 คัน ลดลง 11.50%
หุ้น MONO สัญญาณเทคนิคดูค่อนข้างดี ลองตีเส้นพบว่า ราคาน่าจะค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นมาได้อีก มีแนวต้านถัดไป 1.83 บาท และมีโอกาสที่จะขึ้นไปยืนเหนือ 2.00 บาท ได้ แต่อาจจะต้องรอระยะปานกลางหรืออีก 2-3 เดือนข้างหน้า ส่วนปัจจัยลบไม่มีอะไรเข้ามากระทบ ส่วนแนวรับหากเข้าแล้วพลาด ตัดขาดทุนที่บริเวณ 72.00 บาท
คาเฟอีน