
1,300 จุด! ไหวไหม?
นับจากวันที่ 1 ก.ย. 68 เป็นต้นมาจนถึงวานนี้ (10 ก.ย. 68) หรือประมาณ 9 วันทำการของตลาดหุ้นไทย ดัชนีฯ วิ่งขึ้นมาบวกรวม 41.44 จุด เปลี่ยนแปลง +3.24 %
นับจากวันที่ 1 ก.ย. 68 เป็นต้นมาจนถึงวานนี้ (10 ก.ย. 68) หรือประมาณ 9 วันทำการของตลาดหุ้นไทย
ดัชนีฯ วิ่งขึ้นมาบวกรวม 41.44 จุด เปลี่ยนแปลง +3.24 %
ในด้านสัญญาณทางเทคนิคนั้น
เส้นกราฟมาชนที่บริเวณแนวต้าน (1,278-1,280 จุด) พอดี
แต่หากย้อนกลับไปดูดัชนีฯ ในช่วงของการพักฐาน 2-3 ครั้ง ก่อนหน้านี้ จะพบว่า ไม่ได้หลุดแนวรับ
ทำให้นักวิเคราะห์ทางเทคนิคต่างเชื่อมั่นว่า โอกาสที่ดัชนีจะผ่านแนวต้านสำคัญดังกล่าวขึ้นมาได้มีอยู่ค่อนข้างสูง
เช่น เมื่อวานนี้ มีหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ เช่น KBANK BBL TOP TISCO BAY ขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของปี 2568
แต่กลับไม่ได้มีผลต่อการกดดัชนีมากนัก ทั้งที่หุ้นขึ้น XD ที่ว่านี้ ต่างปิดตลาดในแดนลบ
หุ้นที่หนุนตลาดวานนี้ หลักๆ มาจาก เดลต้า การบินไทย กัลฟ์ ปตท.สผ. เอสซีบี เอกซ์ ปูนซิเมนต์ไทย และ PTTGC ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นในธีมโกลบอลเพลย์ หรืออิงกับปัจจัยบวกภายนอก
เช่น ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้น ธุรกิจปิโตรเคมีเริ่มฟื้น และอัตราดอกเบี้ยขาลง
ส่วนหุ้นในกลุ่มค้าปลีกที่นำโดย CPALL CRC CPAXT และอีกหลายหุ้น ราคาเกิดการพักฐาน หรือขายทำกำไรหลังจากวิ่งขึ้นมาก่อนหน้านี้จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ภายใต้การนำของรัฐบาล “อนุทิน”
คำถามคือ หากดัชนีจะขึ้นผ่าน 1,280 จุดขึ้นมาได้ ต้องอาศัยแรงหนุนจากอะไรบ้าง
คำตอบง่าย ๆ เลยคือ “ฟันด์โฟลว์” หรือแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศ
ล่าสุด ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากจนหลุด 32.00 บาท มาอยู่ระหว่าง 31.6-31.8 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ
แม้จะมีการประเมินกันว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในรอบล่าสุดนี้
ค่อนข้าง “ผิดปกติ”
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ส่วนหนึ่งของการแข็งค่านั้นมาจากเงินทุนที่ไหลเข้ามายังประเทศไทย
เงินทุนที่ไหลเข้ามานั้น ยังไม่ได้เข้ามายังตลาดหุ้นมากนัก (วานนี้ต่างชาติขาย 1,799 ล้านบาท) แต่ไปเข้ายังตลาดพันธบัตรที่มีแรงซื้อเข้ามาอย่างมหาศาล
นักวิเคราะห์บอกว่า เงินฟันด์โฟลว์น่าจะเข้ามาพักยังตลาดบอนด์ก่อน
และเมื่อมี “จังหวะเหมาะ” ถึงจะมีการโยกเงินเข้ามายังตลาดหุ้น
คือ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น อย่างไรเงินน่าจะยังไหลเข้ามา เพราะพวกเขาจะมี (กำไร) ส่วนต่างจากค่าเงินด้วย
ดังนั้น จึงต้องมาลุ้นกันดูว่า ฟันด์โฟลว์จะเริ่มย้ายเงินจากตลาดบอนด์มายังตลาดหุ้นช่วงไหน
จะเข้ามาในช่วงดัชนีพักฐาน หรือว่าจะดันทันที ด้วยการไล่ซื้อหุ้นบิ๊กแคป และดันดัชนีขึ้นมายืนระดับ 1,300 จุดแบบรวดเดียวเลยหรือเปล่า
ก่อนหน้านี้ “อัสสเดช คงสิริ” กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) บอกว่า การเมืองที่เริ่มมีความชัดมากขึ้น จึงเห็นฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลเข้ามา บวกกับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) มีการฟื้นตัวที่ดี มีอนาคต อัพไซด์ดี และมีปันผลน่าสนใจ ต่างชาติจึงเข้ามาลงทุน
เช่นเดียวกับนักวิเคระห์ บล.กรุงศรี ที่มองว่า “เงินบาทที่แข็งค่า” ขึ้นเป็นปัจจัยจิตวิทยาเชิงบวกให้ฟันด์โฟลว์ไหลเข้า
ค่าเงินบาทที่แข็งค่าสาเหตุหลักเป็นผลจากแนวโน้มดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่กำลังจะปรับลด หลังจากตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐฯ อ่อนแอลง
อัตราการว่างงานที่ 4.3% หากสูงกว่า 4.4% ยิ่งเพิ่มโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้
โดย 2 ครั้งจะเป็นแนวโน้มที่เป็นไปได้มากที่สุด สำหรับการลดดอกเบี้ยของเฟด จะส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง มองกรอบค่าเงินบาท 31.50-32 บาทต่อดอลลาร์
ส่วนการฟอร์มคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการโปรดเกล้าฯ นายกรัฐมนตรีได้ ถือเป็นภาพบวก
จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น
แต่หากเข้าไปดูข้อมูลของนักลงทุนต่างชาติที่ขายหุ้นไทยนับจาก 1-10 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่า ได้ขายสุทธิ 2,133 ล้านบาท
ต้องมาดูกันต่อว่า เงินฟันด์โฟลว์จะเข้าตลาดหุ้นตามความคาดหวังหรือไม่
หากเข้า….ดัชนีก็มีโอกาสพุ่งมาที่ 1,300 จุดได้นั่นแหละ