ดักเก็บหุ้นแถวสอง

วานนี้ดัชนีหุ้นไทยปิด 1,299.78 จุด ระหว่างวันดัชนีสามารถขึ้นมาแตะที่ 1,300 จุดได้ แต่ยืนเพื่อขึ้นมาปิดเหนือกว่านั้นไม่ได้


วานนี้ดัชนีหุ้นไทยปิด 1,299.78 จุด

ระหว่างวันดัชนีสามารถขึ้นมาแตะที่ 1,300 จุดได้ แต่ยืนเพื่อขึ้นมาปิดเหนือกว่านั้นไม่ได้

ส่วนมูลค่าการซื้อขายลงมาเหลือเพียง 35,280 ล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 8 วัน เข้าใจว่า น่าจะรอความชัดเจนเกี่ยวกับการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ดัชนีที่ขึ้นมาวานนี้ เป็นการเข้ามาซื้อของต่างชาติ 303 ล้านบาท

และนักลงทุนสถาบันอีก 845 ล้านบาท

ความน่าสนใจอยู่ที่ว่า การจับมือร่วมกันซื้อหุ้นของนักลงทุนสถาบันกับต่างชาติล่าสุดนี้

เหตุใดไม่พาดัชนีขึ้นมายืนเหนือ 1,300 จุดไปเลย

สำหรับนักลงทุนต่างชาติในรอบ 7 วัน ขายสุทธิหุ้นไทยประมาณ 2,500 ล้านบาท

นักลงทุนสถาบันในช่วง 7 วัน ซื้อเกือบ 8 พันล้านบาท

ขณะที่ในช่วง 7 วันที่ผ่านนมา ดัชนีฯ วิ่งขึ้นมาต่อเนื่องจากระดับ 1,260 จุด และล่าสุดวานนี้ที่ขึ้นมาปิด 1,299 จุด หรือขึ้นมาเกือบ 40 จุด ซึ่งหลัก ๆ มาจากการเข้าซื้อต่อเนื่องของนักลงทุนสถาบัน

เดลต้าฯ DELTA เป็นหุ้นหลักที่พาดัชนีขึ้นมา

เพราะ 7 วันย้อนหลังหุ้นปิดในแดนบวก 6 วัน และลดลง 1 วัน

โดยเดลต้า ราคาหุ้นในช่วง 7 วันที่ว่านี้นั้น ขึ้นมาจากระดับ 145.00 บาท มาปิดที่ 1,60.00 บาท

เช่นเดียวกับ “การบินไทย” หรือ THAI ที่มาร์เก็ตแคปล่าสุด ขึ้นมาอยู่ที่ 4.24 แสนล้านบาท โดยราคาหุ้นได้วิ่งขึ้นมาต่อเนื่องเช่นกัน หรือในช่วง 11 วันที่ผ่านมา ราคาหุ้นปิดลดลง 1 วัน ไม่เปลี่ยนแปลง 1 วัน และบวก 9 วัน

ราคาขึ้นมาจาก 12.40 บาท ล่าสุดวานนี้ปิด 15.00 บาท

การบินไทย กับ เดลต้า จึงมีส่วนต่อการพาดัชนีขึ้นมาพอสมควร

โดยเฉพาะเดลต้าฯ ที่ราคาขึ้นมาจาก 145.00 บาท มาที่ 160.00 บาท มีส่วนต่อดึงดัชนีได้ถึง 15 จุด

หุ้นอีกกลุ่มที่มีส่วนช่วยพาดัชนีขึ้นมา คือ น้ำมัน เช่น PTT PTTEP และ TOP

คำถามคือว่า เมื่อดัชนีฯ วิ่งขึ้นมาจนใกล้แนวต้านจิตวิทยา 1,300 จุด หากดัชนี จะวิ่งขึ้นไปได้อีกต้องอาศัยหุ้นกลุ่มใด แล้วตัวไหนกันบ้าง

หลักทรัพย์บัวหลวง มองถึงภาวะต่อไปว่า หุ้นไทยแรลลี่ขึ้นจาก 1,230

แต่คาดว่าจะเริ่ม “ลดความร้อนแรง” ลงเมื่อบวกใกล้ครบ 100 จุด แต่ดัชนีฯ น่าจะผ่าน 1,300 โดยมีแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,330 จุด

และเมื่อใกล้ถึงแนวต้านถัดไป

ตลาดหุ้นจะเริ่มหมุนจาก “กลุ่มบูลชิพบิ๊กแคป” ที่พาตลาดขึ้นมารอบนี้

และหมุนไปหาหุ้น “ขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่” ที่มีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน

ซึ่งกลุ่มหุ้นที่จะเป็นเป้าหมายต่อการเข้าซื้อ เช่น SCGP CBG CPAXT AOT และ MINT และเมื่อวนจนครบคาดว่าจะเริ่ม หมุนไปที่หุ้น “กลางค่อนไปทางเล็ก” เช่น WHAUP BCH BEM CENTEL ERW

การหมุนกลุ่มลักษณะนี้ จะไม่ได้ยึดโยงกับกระแส หรือ ธีมการลงทุนมากนัก

ยกเว้น การเล่นยกกลุ่ม เช่น พลังงาน ปิโตรฯ หากมีประเด็นข่าวใหม่เข้ามาสนับสนุนจากต่างประเทศ  เช่น ความไม่สงบในตะวันออกกลาง

บัวหลวงบอกว่าได้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยที่ฟื้นขึ้นมา จาก 1,150 จุด ซึ่งมองเป็นจุดต่ำสุดของรอบใหญ่นั้น

สามารถสร้าง Wealth  ให้กับภาพรวมได้สำเร็จ

ทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มกล้าที่จะหันมาเล่นหุ้น เพื่อสร้าง Alpha ได้ดีกว่าช่วงก่อน

แทนที่จะต้องเกาะ Core port. ไปกับหุ้นใหญ่ เพื่อสร้างผลตอบแทนเกาะไปกับ Market return

Back to top button