
เปิดแผนปลดแอกแก้หนี้ 1.22 แสนล้านบาท
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำทีม
เส้นทางนักลงทุน
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำทีมพร้อมด้วย นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง, นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ตั้งโต๊ะร่วมแถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจว่าด้วยโครงการแก้ปัญหาหนี้เสีย ผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company : AMC)
ถือเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล เนื่องจากปัจจุบันลูกหนี้รายย่อยบางส่วนกำลังประสบปัญหา ทั้งด้านภาระหนี้สูงและเป็นหนี้ไม่มีหลักประกัน ทำให้เกิดหนี้ค้างชำระและมีเจ้าหนี้หลายราย ส่งผลให้ลูกหนี้ขอสินเชื่อเพิ่มไม่ได้ กระทรวง การคลังจึงร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย และภาคสถาบันการเงิน จัดทำโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของ AMC เพื่อเร่งปรับโครงสร้างหนี้ ช่วยลูกหนี้ปิดจบหนี้เร็วขึ้น และหลุดพ้นจากหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และกลับ มามีประวัติการชำระหนี้ดีขึ้น
กลุ่มเป้าหมายคือลูกหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ NPLs ไม่มีหลักประกัน ที่มีหนี้ ณ วันที่ 30 ก.ย. 2568 กับสถาบันการเงินทุกแห่งรวมกันไม่เกิน 1 แสนบาทต่อราย โดยในระบบมีจำนวน 3.4 ล้านราย หรือ 4.76 ล้านบัญชี มีภาระหนี้สูง 1.22 แสนล้านบาท โดยมีแนวทาง 2 กลุ่มดังนี้
กลุ่มที่ 1 ลูกหนี้ที่อยู่กับธนาคารพาณิชย์ และลูกหนี้บริษัทในกลุ่มธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ และลูกหนี้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จะใช้กลไกการขายและโอนหนี้ให้กับ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) และ บริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (Ari-AMC) และกำหนดให้ AMC นำหนี้ดังกล่าวมาปรับโครงสร้างหนี้ ด้วยการลดดอกเบี้ย ไม่คิดดอกเบี้ย หรือค่าธรรมเนียมการจ่ายชำระเพียงบางส่วนเพื่อปิดบัญชี ซึ่งต้องพิจารณาความเหมาะสมของลูกหนี้แต่ละราย
กลุ่มที่ 2 เป็นการดำเนินการผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ที่ดำเนินการได้เอง เป็นหนี้กลุ่มเปราะบาง มากกว่าลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์ จะมีมาตรการบางส่วนเพื่อปิดบัญชี ลดเงินต้น ยกเว้นดอกเบี้ยทั้งหมด มาตรการติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ที่ผ่อนปรนมากกว่าเกณฑ์ปกติของธนาคาร การปิดบัญชีและตัดเป็นหนี้สูญสำหรับลูกหนี้ขาดศักยภาพ
“การดำเนินการ 2 ส่วนนี้ คาดว่าจะมีบัญชีลูกหนี้เข้าข่ายได้รับความช่วยเหลือ 2.36 ล้านบัญชี จำนวนลูกหนี้กว่า 2 ล้านคน คิดเป็นภาระหนี้ 6.24 หมื่นล้านบาท ส่วนเฟส 2 จะไปโฟกัสหนี้ของผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร หรือ Non-Bank ที่ไม่ใช่บริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ และเมื่อดำเนินการจนแก้ปัญหาหนี้ได้แล้ว ธนาคารออมสิน พร้อมปล่อยสินเชื่อเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพให้ลูกหนี้”
เรื่องดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จะต้องหารือร่วมกันและทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU ที่จะมีการกำหนดมาตรฐานกลางที่ AMC จะนำไปปฏิบัติต่อไป
ขณะที่นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า หนี้ที่เข้าข่ายจะนับ ณ สิ้นสุด 30 ก.ย. 2568 จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีและโอนต่อไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ โดยจะไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน จะใช้เงินคุณสู้ เราช่วย จากเงินกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ที่เหลือทั้งหมดจะใช้ในโครงการนี้
สำหรับราคาที่ใช้เป็นราคาที่ตกลงกันระหว่างธนาคารพาณิชย์ และมีโครงสร้างการแบ่งปันแชร์ริ่ง เป็นราคามาตรฐานจะมีเกณฑ์กลางออกมา (เรื่องค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ยค้าง ค่าปรับ ยกเว้นไปก่อน) สามารถผ่อนชำระ 3 ปี ไม่มีดอกเบี้ยก็ได้
ส่วนนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ระบุว่า โครงการนี้จะเริ่มโอนหนี้เข้า AMC ช่วงเดือน ม.ค. 2569 เนื่องจากมีขั้นตอนการแจ้งให้ลูกหนี้ทราบตามกฎหมายไม่ต่ำกว่า 60 วัน ลูกหนี้ที่ร่วมโครงการครั้งนี้ ทางเครดิตบูโรจะให้รหัสพิเศษเบอร์ 16 เป็นรหัสไม่ต้องรอมีประวัติเครดิตดีจนครบ 3 ปี สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทันที
หากพิจารณาแล้วว่ามีความเหมาะสมสามารถปล่อยสินเชื่อเพิ่มได้ โดยวันที่ 11 พ.ย. 2568 ธปท.กับธนาคาพาณิชย์จะเริ่มเซ็น MOU ในกระบวนการแก้หนี้ดังกล่าว
ขณะที่นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย ระบุว่า ครั้งนี้ถือเป็นความพยายามที่ร่วมทำงานกันแบบรวมศูนย์ จากเดิมไม่เคยยึดลูกหนี้เป็นจุดศูนย์กลาง แต่ล่าสุดรัฐบาลมองปัญหานี้เป็นเรื่องระยะยาวที่ต้องแก้ปัญหาอย่างครบรอบด้าน มองเป็นเชิงโครงสร้าง
ทำให้การแก้ปัญหาหนี้ครบถ้วนรอบด้าน เพราะมีการพัฒนาระบบข้อมูลที่เชื่อมโยงทั้งหมดร่วมกัน ทำให้ลูกหนี้ได้รับโอกาสที่จะได้รับแก้ไขบนความเหมาะสม มีการปรับโครงสร้างหนี้ที่ยืดหยุ่นมาก
“ต่อไปจะมีเฟส 2 กลุ่ม Non-Bank ที่ไม่ได้เป็นบริษัทลูกธนาคารพาณิชย์ จะเป็นเฟสถัดไป”

