พาราสาวะถี

หวังจะไปโกยแต้ม ทำคะแนนแบบเต็ม ๆ แต่พอถูกเสียงคนตะโกนด่ากลางศูนย์พักพิง ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา ทำเอา อนุทิน ชาญวีรกูล ถึงกับหน้าเหวอ วางตัวไม่ถูก กันทีเดียว ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงถึงความล่าช้าต่อการช่วยเหลือ โดยเฉพาะการอพยพผู้คนจากจุดที่ประสบเหตุหนักหน่วง รุนแรง หน่วยงานภาครัฐต้องรอกระบวนการ และการสั่งการจากผู้มีอำนาจ ซึ่ง ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ยอมรับเองว่า ล่าช้ากว่าที่จะตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทักภัย เพราะต้องรอมติจากที่ประชุมครม.

ทั้งที่ เสี่ยหนูคุยฟุ้งตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง ในฐานะนายกฯ จะทำงานแบบไม่มีวันหยุด ครม.ต้องพร้อมที่จะประชุมได้ตลอดเวลา ซึ่งกรณีน้ำท่วมเอาแค่พื้นที่หาดใหญ่เห็นได้ว่าเหตุการณ์ไม่ปกติ ประชาชนติดอยู่ในที่พักอาศัยรอการช่วยเหลือนานเกิน 3 วันขึ้นไปแล้ว แต่รัฐบาลเพิ่งจะขยับตัว การถูกด่าจึงเป็นเรื่องที่ต้องก้มหน้ายอมรับกันไป มิหนำซ้ำ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ยังไปเล่นบท คนล้มแล้วกระทืบซ้ำ ซัดองค์กรปกครองท้องถิ่น จี้ไปที่เทศบาลนครหาดใหญ่ให้กลายเป็นแพะต่อสถานการณ์นี้ เลยยิ่งไปกันใหญ่

ทีนี้ทำให้เข้าใจบทบาทของรองนายกฯ ด้านกฎหมายของรัฐบาล 4 เดือน เข้ามาเพื่อทำหน้าที่หนังหน้าไฟ คอยปกป้อง คุ้มครองทุกเรื่องที่รัฐบาลนี้จะถูกโจมตี อย่างที่บอกต้องยอมรับกันว่าพื้นที่ภาคใต้คือหมุดหมายสำคัญของพรรคภูมิใจไทยที่ต้องการจะเข้าไปเป็นขวัญใจของประชาชนแทนที่ประชาธิปัตย์ แม้กระทั่งการมอบหมายงานต่อการเผชิญเหตุร้อนอย่างนี้ เห็นกันอยู่ว่าแทนที่จะให้รัฐมนตรีที่ปักหลักในพื้นที่เป็นผู้บัญชาการ สั่งการเบ็ดเสร็จ แต่กลับมอบหมายให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดรับบทบาทนี้แทน นั่นเป็นเพราะ ธรรมนัส พรหมเผ่า อยู่คนละพรรค และ ยังจัดเป็นคู่แข่งสำคัญที่จะแย่งเสียงกันในพื้นที่ภาคใต้ด้วย

ต้องจับตาหลังน้ำลดกระบวนการฟื้นฟู เยียวยา ช่วยเหลือประชาชน จะจัดวางบทบาทในการดูแลกันแบบไหน แต่ประสาพรรคที่ลงทุนลงแรงในพื้นที่มาเยอะ คงจะไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหนมาชุบมือเปิบ วันนี้ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกฯ และรัฐมนตรีคลัง ว่าที่ 1 ในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคสีน้ำเงิน ก็เปิดแผนมาเรียบร้อย แบบนี้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นคงได้แต่มองตาปริบ ๆ เพราะกระบวนการหลังจากนี้คนที่จะทำหน้าที่ลงไปขับเคลื่อนสร้างผลงานจากมาตรการที่ออกมา ย่อมหนีไม่พ้นอนุทิน เชื่อได้เลยว่าคงจะไม่มีการหนีบเอารัฐมนตรีต่างพรรคคนไหนไปร่วมเฟรมด้วย เว้นแต่พวกที่จะย้ายคอกมาร่วมชายคาเดียวกันเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หากไม่อยากให้เสียรังวัดมากไปกว่าที่เป็นอยู่ สงสัยอนุทินคงต้องไปสะกิดหรือเรียกเด็กในคาถามาอบรมกันหน่อย เพราะฟังจากคำพูดของ ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย คนที่แปรพักตร์มาจากเพื่อไทย กางปีกปกป้องการทำงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยว่า ไม่ล่าช้า โดยโยนไปเป็นเรื่องของพื้นที่กว้างขวาง คนเยอะ เลยทำให้เกิดความโกลาหล แก้ต่างกันแบบนี้ไม่ต่างจากปัดสวะให้พ้นตัว มากไปกว่านั้น มันสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการทำงานไม่ได้มีการวางแผน แบ่งโซน เหมือนที่กองทัพได้เข้าไปบริหารจัดการ

ไม่ว่าพื้นที่จะกว้างขนาดไหน หากมีการเตรียมแผนการรองรับ จัดสรรกำลังคนที่ตัวเองมี และประสานความร่วมมือช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นโดยเฉพาะกองทัพ รวมไปถึงทีมกู้ภัยต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ เชื่อได้ว่าการทำงานจะรวดเร็ว ไม่ซ้ำซ้อนเหมือนอย่างที่เห็น นี่ยังไม่นับรวมระบบเตือนภัยก่อน และระหว่างเกิดสถานการณ์ ที่เสียงชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างสวดยับว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เหล่านี้คือบทเรียนที่ต้องสรุปเพื่อนำไปสู่การแก้ไข ยอมรับข้อผิดพลาด ขอโทษประชาชน ไม่ใช่คอยแก้ตัว จนทำให้คนรู้สึกสมเพชมากกว่าที่จะเข้าใจและสงสาร

นี่พูดถึงกันแค่เรื่องความเสียหายในแง่ของทรัพย์สิน และการฟื้นฟูเยียวยาที่จะเกิดขึ้นสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่มองเห็นเท่านั้น ยังไม่นับรวมไปถึงกรณีผู้ที่เสียชีวิต และสูญหาย ตรงนี้ประเมินมูลค่าไม่ได้ ครอบครัวผู้สูญเสียย่อมมองไปในแง่ที่ว่าถ้ามีการบริหารจัดการที่ดี อย่างน้อยคนเหล่านั้นอาจรอดชีวิต เพราะไม่ใช่เรื่องที่เกิดจากเหตุสุดวิสัย แต่มีปัจจัยที่สามารถจะดูแล ป้องกัน และช่วยเหลือได้ถ้ามีกระบวนการบริหารจัดการที่ดี รอดูว่าเหล่าบรรดาปลาไหลใส่สเก็ตทั้งหลายจะตีกรรเชียงแบบไหนต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

นอกเหนือจากการเร่งเยียวยา ฟื้นฟูหลังน้ำลดแล้ว รัฐบาลที่แม้จะอายุสั้น ต้องเรียกประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแผนในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซากในอนาคต กรณีของหาดใหญ่ถือเป็นพื้นที่อ่อนไหว ผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมหนักมานานน่าจะไม่น้อยกว่า 30 ปีแล้ว จริงอยู่ที่ว่าฝนตกหนักที่สุดในรอบ 300 ปี แต่มันอาจมีปัจจัยอื่นที่เป็นอุปสรรคต่อการไหล หรือการระบายของน้ำ หากศึกษา และวิเคราะห์กันอย่างจริงจังแล้ว ย่อมพบปัญหาอยู่ที่ว่าจะกล้าตัดสินใจกันขนาดไหน ถ้าทำได้แค่ประกาศแนวทางที่จะทำ และรอกลับมาทำใหม่ถ้าได้เป็นรัฐบาล เชื่อว่าน่าจะเรียกคะแนนนิยมกลับมาได้ระดับหนึ่ง

ภายใต้ความกังวลที่เกรงว่าจะส่งผลต่อความนิยมทางการเมืองนั้น ท่านผู้นำและคนในพรรคแกนนำอาจรู้สึกเบาใจไปได้อย่างหนึ่งที่ ประเด็นทางการเมืองทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ ครม.เพิ่งเคาะร่างพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญไปเมื่อวันก่อน ปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา ปมการปราบปรามสแกมเมอร์ ก็ถูกลดทอนความสนใจไปได้ชั่วคราว เป็นจังหวะได้พักหายใจหายคอ อย่างน้อยก็น่าจะนานอีกนับสัปดาห์ จากนั้นค่อยกลับมาว่ากันใหม่

อรชุน