เปิด 3 หุ้นเด็ดอัพไซด์สูงน่าช้อนช่วงตลาดผันผวน

เปิดตัว 3 หุ้นน่าสอยราคาสุดถูก นำทีมโดย JAS-IFEC-CSS พื้นฐานปึ้ก ไม่หวั่นปัจจัยภายนอก ด้านโบรกฯ เชียร์สุดตัว แผนธุรกิจดูดี พร้อมฟันธง ราคาเด้งแน่!


ผลจากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง  โดยวานนี้ (24 มี.ค.) ปรับตัวลดลงอีก 5.56 จุด หรือลดลง 0.37% มาอยู่ที่ระดับ 1,519.09 จุด “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์”  จึงทำการสำรวจหุ้นน่าลงทุน ในสภาวะที่ตลาดหุ้นกำลังแกว่งตัวลง โดยคัดเลือกเอาหุ้นที่ราคาปรับตัวลงแรง ราคาค่อนข้างถูก รวมทั้งมีปัจจัยพื้นฐานเข้ามาสนับสนุน  และมีแผนธุรกิจในอนาคตที่ชัดเจน ซึ่งพบว่า มีหุ้นอยู่ 3 ตัวด้วยกันที่โดนปัจจัยภายนอกกดราคาเอาไว้ ทั้งที่ปัจจัยดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการเติบโตทางธุรกิจ

 

โดยหุ้นตัวแรกคือ  บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS โดยราคาหุ้น ณ ปัจจุบันที่ปรับตัวลงมาอย่างหนัก นักวิเคราะห์มองแนวโน้มว่า อาจเกิดจากแรงเทขายของนักลงทุนเป็นหลัก เนื่องจากเกิดความกังวลต่อมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อ วันที่ 19 มีนาคม 2558 ที่ลงมติให้มีการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ JAS-W3 จำนวน 3,497,332,189 หน่วย รวมไปถึงการอนุมัติการจำหน่ายหุ้นที่ได้ซื้อคืนไปก่อนหน้านี้ จำนวน 142,730,000 หุ้น

ทั้งนี้ ความกังวลดังกล่าว อาจเป็นเพียงปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อราคาหุ้นในระยะสั้นถึงระยะกลางเท่านั้น เพราะหากมองด้านปัจจัยพื้นฐานแล้ว JAS ถือเป็นบริษัทที่ยังมีรากฐานแข็งแกร่งเหมือนเดิม ทั้งด้านทรัพยากรทางการเงิน และ บุคลากร  ที่สำคัญ ผลประกอบการในปีนี้ มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอีก อันเป็นผลมาจากแผนธุรกิจที่วางเอาไว้ โดยเฉพาะการเข้าร่วมประมูล 4G ที่จะมีขึ้นช่วงเดือนสิงหาคมนี้ โดยจะใช้เงินที่ได้จากการแปลงสิทธิและจำหน่ายหุ้นคืน บวกกับเงินสดในมือเพื่อพัฒนาโครงการดังกล่าว

ด้านราคาหุ้น JAS วานนี้ (24 มี.ค.) ปิดที่ระดับ 6.10 บาท ปรับตัวขึ้น 0.30 บาท หรือ 5.17% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2,945.29 ล้านบาท ขณะที่โบรกเกอร์ตั้งราคาเป้าหมายโดยเฉลี่ยไว้ที่ระดับ 9.10 บาท  

 

หุ้นตัวที่สองคือ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC โดยราคาหุ้น ณ ปัจจุบันที่ปรับตัวลงมาอย่างหนัก หลายฝ่ายคิดว่า อาจเกิดจากแรงเทขายทำกำไร การเข้าสร้างและกดราคาหุ้นของนักลงทุนบางกลุ่ม รวมไปถึงข่าวลือต่างๆ ทั้งประเด็นเรื่องเงินกองทุนสหกรณ์คลองจั่น และเงินกองทุนวัดธรรมกาย การติดบัญชี Cash Balance อีกทั้งสูญเสียทรงทางเทคนิค ซึ่งส่งผลให้มีแรงเทขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประเด็นเรื่องข่าวลือที่เกิดขึ้น ทางผู้บริหารได้ชี้แจงแล้วว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

ที่สำคัญคือ ปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่กำลังกดดันราคาหุ้น IFEC อยู่ในตอนนี้ น่าจะมีผลกระทบเพียงแค่ในระยะสั้นถึงระยะกลาง ขณะที่แผนธุรกิจ หรือปัจจัยพื้นฐานไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ  โดยโครงการวินด์ฟาร์ม ขนาด 10 เมะวัตต์ ที่ อ.ปากพนัง และ โซลาร์ฟาร์ม ขนาด 20 เมกะวัตต์ ที่ประเทศกัมพูชาจะเริ่มจ่ายไฟเชิงพาณิชย์หรือ COD ได้ช่วงกลางปีนี้ อีกทั้งยังจะสามารถรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อหุ้นของวินด์ฟาร์ม ขนาด 33 เมกะวัตต์ ที่ประเทศเกาหลีใต้ จำนวน 30% ได้ภายในเดือนกรกฎาคมปีนี้ ดังนั้นผลประกอบการของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

ด้านราคาหุ้น IFEC วานนี้ (24 มี.ค.) ปิดที่ระดับ 12.10 บาท ปรับตัวขึ้น 0.20 บาท หรือ 1.68% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,166.96 ล้านบาท ขณะที่โบรกเกอร์ตั้งราคาเป้าหมายโดยเฉลี่ยไว้ที่ระดับ 18.00 บาท

 

หุ้นตัวสุดท้ายคือ บริษัท คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CSS หลายคนมองว่า ราคาหุ้นยังไม่ปรับตัวขึ้นสะท้อนโอกาสในการเติบโตของผลประกอบการมากนัก เนื่องจากตลาดหุ้นยังอยู่ในภาวะผันผวน ส่งผลให้เกิดความไม่แน่ใจต่อการลงทุน จังหวะนี้น่าจะเป็นโอกาสดีสำหรับการลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่บริษัทมีข่าวออกมาอย่างเป็นทางการว่า จะได้รับงานเพิ่มขึ้นในปีนี้

สำหรับธุรกิจของ CSS ในปี 58 ยังคงเน้นการประกอบธุรกิจหลัก 2 ประเภทเช่นเดิม ได้แก่ การเป็นตัวแทนจำหน่ายระบบงานไฟฟ้ารวมถึงวัสดุและอุปกรณ์ป้องกันไฟลาม และ การรับติดตั้งระบบโทรคมนาคม ซึ่งมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างมากในปีนี้ เนื่องจากบริษัทจะมีปริมาณงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการปรับปรุงคุณภาพระบบ 3G และการติดตั้งระบบ 4G ขณะที่คู่แข่งที่มีความชำนาญงานประเภทนี้มีอยู่แค่เพียงไม่กี่รายเท่านั้น นอกจากนี้ บริษัทยังได้เริ่มขยายเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนแล้วด้วย

ด้านราคาหุ้น CSS วานนี้ (24 มี.ค.) ปิดที่ระดับ 7.45 บาท ปรับตัวลง 0.10 บาท หรือ 1.32% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 105.09 ล้านบาท ขณะที่โบรกเกอร์ตั้งราคาเป้าหมายโดยเฉลี่ยไว้ที่ระดับ 9.48 บาท

 

จากข้อมูลเบื้องต้นเห็นได้ว่า นักลงทุนยังสามารถหาประโยชน์จากการลงทุนในหุ้นบางตัวได้ แม้ขณะนี้ภาพรวมของตลาดหุ้นยังคงอยู่ในช่วงแกว่งตัวลงก็ตาม โดยหุ้นที่ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” คัดเลือกขึ้นมานั้น หากอิงจากราคาพื้นฐานโดยเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์ตั้งเอาไว้ จะเห็นว่าราคา ณ ปัจจุบัน ยังมีพื้นที่ให้ปรับตัวขึ้นได้อีกมาก อีกทั้งการที่ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงไปในทางลบแต่อย่างใด

Back to top button