AU โตลำบาก

หากมองสถานการณ์ของหุ้น AU จนถึงเข้าตลาดหุ้นเป็นที่เรียบร้อย ต้องพูดกันตามตรงว่า บริษัทนี้ไม่ให้ความสำคัญกับนักลงทุนรายย่อยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งเรื่องนี้ครอบคลุมถึงที่ปรึกษาทางการเงินก็เป็นคนที่ชอบทำดีลลักษณะเงียบๆ ไม่ต้องการประชาสัมพันธ์อะไรมากมาย เพราะกลัวนักลงทุนรายย่อยจะไปเจอสิ่งผิดปกติบางอย่าง


สภาแมงเม่า : ดร.สมชาย

 

คุณกิตติ จากสะพานใหม่ กรุงเทพฯ พูดถึงสถานการณ์ของหุ้น AU หรือ บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) ทำให้นักลงทุนหลายรายรู้สึกสังเวชใจอย่างหนัก เพราะการทะยานขึ้นของหุ้นในเที่ยวนี้ เล่นกันบนค่า P/E 100 เท่าเลยทีเดียว จึงรู้สึกไม่สบายใจที่เห็นหุ้นตัวนี้วิ่งแบบไม่สนใจพื้นฐาน บวกกับได้ฟังรายการวิทยุ FM 98.50 ของหนังสือพิมพ์ “ข่าวหุ้น” พูดถึงความไม่สมเหตุสมผล ยิ่งทำให้เชื่อว่า หลังจากนี้บริษัทจะตกอยู่ในที่นั่งลำบาก อาจารย์คิดเหมือนกับที่ผมประเมินไว้ไหมครับ

 

หากมองสถานการณ์ของหุ้น AU หรือ บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ก่อนเข้าตลาดหุ้น จนถึงเข้าตลาดหุ้นเป็นที่เรียบร้อย ต้องพูดกันตามตรงว่า บริษัทนี้ไม่ให้ความสำคัญกับนักลงทุนรายย่อยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งเรื่องนี้ครอบคลุมถึงที่ปรึกษาทางการเงินก็เป็นคนที่ชอบทำดีลลักษณะเงียบๆ ไม่ต้องการประชาสัมพันธ์อะไรมากมาย เพราะกลัวนักลงทุนรายย่อยจะไปเจอสิ่งผิดปกติบางอย่าง

ผลดังกล่าวทำให้นักลงทุนรายย่อยไม่ได้ข่าวสารครบทุกแง่มุม และอาจได้ข้อมูลบางอย่างที่ผิดเพี้ยนจากที่ควรจะเป็นเยอะ ทำให้หลายคนยังไม่รู้ว่า หุ้นตัวนี้เทรดกันบนค่า P/E 100 เท่า เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 59 ซึ่งเป็นวันที่ซื้อขายครั้งแรก และยังเป็นการทะยานขึ้นมาปิดที่ 13.50 บาท หรือขึ้นไป 200% จากราคา IPO ที่ระดับ 4.50 บาทอีกด้วยนะครับ

ที่สำคัญคือ เมื่อถอดรหัสความน่าจะเป็นของหุ้นอย่างละเอียดยิบจะรู้ว่า โอกาสที่หุ้นจะยืนแข็งเหนือระดับ 10 บาทเป็นเรื่องที่ยากมาก และการลงทุนซื้อหุ้นวันนี้ก็เป็นการเก็งอนาคตล่วงหน้ามากถึง 5 ปีด้วยกัน จึงเป็นความเสี่ยงของนักลงทุนรายย่อยที่เพิ่งเข้าไปเก็บหุ้น

เมื่อทุกคนรับรู้ถึงโอกาสที่ตีบตันในการถีบตัวขึ้นของหุ้น AU วันถัดมาจึงมีแรงเทขายถล่มออกมาไม่ยั้ง ส่งผลให้ราคาหุ้นที่กำลังวิ่งขึ้นไปถึง 15.20 บาท ม้วนหัวกลับลงมาอย่างรวดเร็ว และทิ้งดิ่งลงมาอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ เท่ากับเป็นการสะท้อนภาพวงแตกได้เป็นอย่างดีครับ

นอกจากนี้หากประเมินแบบง่ายๆ ว่า การเทรดหุ้น AU อยู่ในระดับ P/E 100 เท่า ก็ตีความได้ว่า กำไรของบริษัทจะต้องโตปีละ 20 % เป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน ถึงจะทำให้ตัวเลขกำไรวิ่งขึ้นมาทันราคาหุ้น หรือถ้าใส่สมการเรื่องการเติบโตเข้ามาเพิ่ม ก็ต้องใช้เวลานานถึง 3 ปีถึงจะเห็นตัวเลขกำไรขึ้นมาทันราคาหุ้น

แม้กระทั่งการขยายสาขา ยังต้องได้การตอบรับที่ดีจากลูกค้าเหมือนกันทุกแห่ง ไม่เช่นนั้นตัวบริษัทจะมีปัญหาเกี่ยวกับรายได้และกำไรอย่างแน่นอน!

ส่วนในมุมของอาจารย์กลับมองเรื่องขายหุ้นของหุ้นผู้บริหารในวันแรกที่ซื้อขาย เหมือนเป็นการฉาพภาพการหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองมากกว่าความตั้งใจในการทำธุรกิจ หรือคำอธิบายที่ว่า ถ้านำหุ้นผู้บริหารออกมาขาย IPO อาจทำให้เม็ดเงินระดมทุนสูงเกินความเป็นจริง ได้สร้างรอยด่างดำให้กับผู้บริหารทั้งชุดนี้อย่างเต็มตัว

วันนี้ทุกคนถึงพุดถึงหุ้น AU ในทางลบมากกว่าทางบวก เพราะมันไม่มีจุดไหนให้ชมเชยจริงๆ เลยครับ

 

 

กราฟประกอบคอลัมน์ : Aspen, ราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59

Back to top button