JSP วางเป้าปี 60 ยอดขายโตไม่ต่ำกว่า 20% รายได้แตะ 5 พันล้าน!

JSP วางเป้าปี 60 ยอดขาย-รายได้โตไม่ต่ำกว่า 20% รายได้แตะ 5 พันลบ. ลุยเจรจาซื้อที่ดินภาคตะวันออก 2-3 แปลง คาดสรุปได้ภายในเดือนนี้


นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการบริษัท เจ.เอส.พี.แอสพลัส จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้ายอดขายและรายได้ปี 60 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยตั้งเป้ารายได้ที่ 5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องจากปี 59

โดยในปีนี้บริษัทเตรียมเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อเปิดโครงการเพิ่มอีก 17 โครงการ โดยในช่วงไตรมาส 1/60 กลุ่ม J series จะเริ่มเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 7 โครงการ ได้แก่ โครงการ เจ คอนโด พระราม 2 , เจ แกรนด์ สาทร-กัลปพฤกษ์, เจ ซิตี้ ติวานนท์-บางกะดี, เจ ซิตี้ รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง, เจ วิลล่า สุขุมวิท-แพรกษา , เจ วิลล่า รังสิต คลองหนึ่ง ,  เจ วิลล่า บางปะกง- บ้านโพธิ์  เป็นต้น 

ปัจจุบัน บริษัทมีความพร้อม 100%ในการรุกขยายธุรกิจ เนื่องจากแนวโน้มภาพรวมธุรกิจในช่วงต้นปีค่อนข้างหวือหวาและไปได้สวย และยังมีข้อได้เปรียบในเรื่องของราคา คุณภาพสินค้า คุณภาพด้านงานก่อสร้างที่ได้มาตรฐานเทียบเท่ากับค่ายใหญ่รายอื่น ๆ พร้อมความได้เปรียบด้านทำเล และที่ตั้งโครงการ อีกทั้งล่าสุดบริษัทฯ อยู่ระหว่างพิจารณาการซื้อที่ดินย่านภาคตะวันออก 2-3 แปลง ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ก.พ.นี้

ทั้งนี้บริษัทเห็นแนวโน้มธุรกิจที่ดีขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยเพียงเดือน ธ.ค.59 เดืนอเดียวบริษัทสามารถทำยอดขายจาก 4 โครงการใหม่ได้ถึง 346 ล้านบาท จากโครงการ เจ คอนโด พระราม 2 จำนวน 102 ล้านบาทในระยะเวลาขายเพียง 3 อาทิตย์ และจากโครงการ เจ วิลล่า แพรกษา จำนวน 104 ล้านบาทในระยะเวลา 2 วัน เช่นเดียวกับโครงการ เจ วิลล่า บางปะกง ที่สามารถทำรายได้ 60 ล้านบาทภายในระยะเวลา 2 วัน และโครงการ เจ วิลล่า รังสิตคลอง 1 ก็สามารถทำยอดขายได้ถึง 80 ล้านบาทใน 2 วันด้วยเช่นเดียวกันโดยปี 59 ที่ผ่านมาบริษัทมีสัดส่วนรายได้เฉลี่ยประมาณการจากโครงการแนวราบที่เปิดเพิ่มอยู่ที่ 40% 

“จากการทำยอดขายได้อย่างก้าวกระโดดในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ของปลายปี 59 ที่ผ่านมา ประกอบกับยอดขายโครงการในแคมเปญแรกต้นปีนี้ที่มีลูกค้านักลงทุนชาวไต้หวันเหมาซื้อโครงการไมอามี่ คอนโดบางปู ไป 2 ตึก รวมยอดขายไมอามี่เฉพาะมกราคม 2560 เดือนเดียว 178 ยูนิต มูลค่ารวมกว่า  165.70 ล้านบาท และมีแนวโน้มยอดจองเพิ่มอีก 2 ตึก จึงทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่าปี 60 บริษัทฯ จะสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องไปได้ไกล อีกทั้งบริษัทฯ ได้เริ่มทำการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง และเป็นการขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น โดยเน้น กลุ่มลูกค้าแบบแมส(Mass) กลุ่มGenX และGenY  ซึ่งยังจัดเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีความต้องการซื้อสูงอยู่ในปัจจุบัน” นายไพโรจน์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับความเชื่อมั่นจากธนาคารชั้นนำต่าง ๆ กว่า10 ธนาคาร ที่ร่วมเป็นพันธมิตร และยกระดับการให้วงเงินสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ยในแบบพิเศษ จึงทำให้โอกาสการกู้ผ่านของลูกค้าง่ายขึ้นด้วย ในขณะเดียวกันบริษัทเชื่อมั่นว่าภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้จะดีขึ้น และกำลังซื้อ ความต้องการที่อยู่อาศัยก็คาดว่าน่าจะกลับมาฟื้นตัว จึงถือเป็นจังหวะที่เหมาะสมต่อการสร้างโอกาสทางการค้า การลงทุนเพิ่มเติม พร้อมก้าวไปสู่ความเป็นองค์กรยุคใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนในอนาคต

Back to top button